ยังวนอยู่แถวๆ 1300 จุด อะไรจะเปลี่ยนอารมณ์ตลาดได้ ?...

สัปดาห์นี้ (18-22 พ.ค.) คาดดัชนีฯ ยังคงเกาะอยู่ในกรอบ 1250-1300 จุด อะไรเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้นักลงทุนไม่กล้าถือหุ้นข้าม 1300 จุด

1. ทั้วโลกจะเหมือนกัน โดยเฉพาะสหรัฐฯ พอ หมดจากความกังวลเรื่อง Covid-19 ก็หันมาสนใจเศรษฐกิจกันต่อ ของไทยมีประเด็นพิจารณาเพิ่ม คือ เราอ่อนแออยู่แล้วจาก Trade War การใช้จ่าย-ลงทุน ชะลอมาระยะหนึ่ง รัฐบาลต้องเจียดเงินมาเยียวยาหรือรักษาบาทแผลจาก Covid-19 ภาคเอกชน ก็อ่วมจากการใช้ พรก.ฉุกเฉิน ธปท. ประมาณการ GDP ปีนี้ไว้ที่ 5.3% แต่ถ้าครึ่งปีหลังยังไม่มีแววฟื้น คงต้องปรับกันใหม่ นี่คือความกังวลที่สำคัญเลยทีเดียว

2. กำไรตลาด ไตรมาสแรกของปี น่าจะจบลงที่ติดลบ 50-60% จากปีก่อน แย่กว่าคาดในส่วนของผลขาดทุน Stock น้ำมัน และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนธุรกิจอื่นๆ เห็นผลกระทบจาก Covid-19 ที่ ไตรมาสสองจะแรงกกว่า เพราะมีการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปมากเลย

3. หุ้นที่มีราคาแตะจุดสูงสุดในรอบสองเดือน คือขึ้นแบบต่อเนื่อง มีถึง 86% ของหุ้นที่เราเฝ้าติดตาม มีเพียง 14%ที่ราคายังขึ้นไม่มาก ถ้าไม่มีข่าวบวกมาต่อยอด โอกาสที่ราคาจะไปต่อก็ยากขึ้น

สำหรับสัปดาห์นี้ ตามที่จั่วหัวไว้ อะไรจะเปลี่ยนอารมณ์หรือ trend ตลาดได้ คือ ต้องเป็นข่าวบวกใหม่ ๆ จากที่ดูตาราง หรือ event ของสัปดาห์นี้ จะเป็นเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจ เป็นส่วนใหญ่ ที่น่าจะมีตาลบเสียมากกว่า ของไทย จะเป็น ตัวเลขยอดขายรถยนต์ (เดือนก่อน 60,105 คัน) ตัวเลข GDP ไตรมาสแรก ที่คาดว่าจะ ติดลบ 4.0% (4Q โต 1.6%) ตัวเลขส่งออก คาด -0.5% (เดือนก่อน +4.2%) ของต่างประเทศจะเป็น GDP ของญี่ปุ่น และรายงานประชุม FOMC ที่ประชุมกันไปเมื่อ 20 เม.ย.

Highlight ของสัปดาห์ ที่เราเชื่อว่าน่าจะเป็นข่าวบวกของตลาด และอาจทำให้ดัชนีฯ ข้ามเส้น 1300 จุด ขึ้นไปได้ มี 4 เรื่อง

1. กำไรตลาด ออกมาไม่ดี แต่มีบางกลุ่มกำไรยังดี เช่น อาหาร (CPF)  เครื่องดื่ม (CBG, OSP)  การเงิน (MTC, SAWAD) พวกนี้ พอจะช่วยตลาดได้

2. ราคาน้ำมัน น่าจะเริ่มดีขึ้น  หุ้นกลุ่ม น้ำมัน (PTTEP, PTT, TOP, SPRC, ESSO) และปิโตรเคมี (PTTGC, IVL, IRPC) จากการทยอยลดกำลังการผลิตส่วนเกินของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯที่ลดกำลังการผลิตลงมามาก การใช้แท่นผลิตน้ำมันลงมาต่ำกว่า 300 แท่น (จากก่อนหน้านี้ เกิน 800 แท่น)

3. การทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมของรัฐบาล ที่จะเริ่มรอบสอง 17 พ.ค.นี้ ยังไงก็เป็นต่อตลาดหุ้นอยู่แล้ว หุ้นห้างสรรพสินค้า ที่อ่อนตัวลง เป็นเพราะขึ้นมารอเรื่องนี้ แต่หุ้นกลุ่มอื่นๆ น่าจะทยอยฟื้นตัว (ที่ยังขึ้นไม่มาก)

4. เรื่องสุดท้าย คือ ประชุม กนง. ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ย หุ้นส่วนใหญ่จะดีจากการลดดอกเบี้ย ยกเว้นหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะ NIM จะลดลง