เล็งเปิดQuick Winก่อน จับตาACE-NERร่วมชิง

ทันหุ้น–สู้โควิด–“สนธิรัตน์” เผยโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน คาดยื่นข้อเสนอต้นเดือนมิถุนายน ก่อนเสนอครม.เคาะแผนPDPใหม่ ภายใน2 สัปดาห์ เล็งเปิดยื่อข้อเสนอ Quick Win จำนวนไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ก่อน กำหนด COD ภายใน 12 เดือนหลังเซ็น PPA จับตา UAC, TPOLY,NER, ACE, PSTC, ETE, TPCH, GUNKUL ขานรับ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชุนอยู่ในกระบวนการ ขณะนี้ติดในเรื่องของระเบียบวิธีการปฏิบัติ อาจจะใช้ระยะเวลาเกินกว่าที่คาดหวังไปเล็กน้อย โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าจะออกประกาศยื่นข้อเสนอได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2563 นี้ หลังจากที่นำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ก่อน หลังจากแผนดังกล่าวได้ผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ( กพช.) เรียบร้อยแล้ว และรอเพียงเข้าครม.ภายใน 2สัปดาห์ข้างหน้า

*เล็งเปิด Quick Win ก่อน

“โครงการโรงไฟฟ้าชุมชุน ไม่ใช่ว่าดำเนินการช้านะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ของกระทรวง ซึ่งทางกระทรวงก็ต้องการเร่งดำเนินการ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดให้รอบคอบ มีข้อถกเถียง ให้แก้ไข ถ้าทำไม่รัดกุม ก็อาจจะเกิดข้อผิดพลาดสร้างปัญหาได้ ด้วย ต้องมีการรับฟังภาคประชาชน ฟังภาคผู้ประกอบการ เพราะว่าโครงการนี้ถือว่าหิน ว่าจะมีปฏิบัติได้ไหม และต้องมีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ ซึ่งขณะนี้กรอบเงื่อนไขเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 15 เมษายน และต้องผ่านอีกหลายหน่วยงาน และผ่านกระบวนการของPDP ด้วย ทางกระทรวงก็เร่งดำเนินการเต็มที่ไม่ช้าไปกว่านี้แน่นอน”นายสนธิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก จะมีการเปิดรับซื้อไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ ในระยะแรกนั้นจะเป็นการเปิดให้ยื่น เสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ประเภทเร่งด่วน หรือ Quick Win จำนวนไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออีก 600 เมกะวัตต์จะออกประกาศเป็นการทั่วไปต่อไป และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายใน 12 เดือนภายหลังลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)

*ACE-NER-GUNKUL พร้อม

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ ประกอบด้วย UAC, TPOLY, NER, ACE, PSTC, ETE, TPCH ซึ่งมีประสบการณ์ผลิตไฟฟ้าในชุมชนอยู่แล้ว ขณะที่ GUNKUL จะได้รับประโยชน์ด้านการขายสินค้า

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อหุ้น ACE โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 2.98 บาทต่อหุ้น มองว่าการที่ ACE นำเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO มาจ่ายเงินกู้ระยะยาว ทำให้ภาระเงินกู้ลดลงไปถึง 2,700 ล้านบาท จึงคาดว่าดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทจะลดลงถึง 59% จากปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ EBIT และ กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตถึง 50.4% และ 153.4 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ

ขณะเดียวกันการที่โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งหมดรวมถึงโรงไฟฟ้า SPP จะขายไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่ภาครัฐทำให้ไม่มีปัญหาการชะลอตัวของการซื้อไฟฟ้า ประกอบกับบริษัทมีการวางแผนในการป้องกันพนักงานจากการติดเชื้อ ทำให้บริษัทสามารถเดินเครื่องโรงงานได้ตามปกติ ทางฝ่ายจึงคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะใกล้เคียงเดิมกับปีที่ผ่านมา

โดยราคาเป้าหมายที่ประเมินไว้ ยังไม่รวมกลุ่มโครงการที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาอีก 2 กลุ่ม ซึ่งประเมินแล้วว่ามีโอกาสเพิ่มมูลค่าพื้นฐานให้แก่บริษัทได้อีก 3.46 บาท นอกจากนี้บริษัทยังจะเป็นผู้เข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของบริษัทในอนาคต