ทันหุ้น – สู้โควิด –FN ลุยเพิ่มยอดขายดิจิทัล-ไดร์ฟ ทรู เต็มสูบ เน้นขายสินค้า Private Brand ตามกระเเสป้องกันสุขภาพ ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากยอดขายออนไลน์ปี 2563 จะเพิ่มขึ้นมาที่ 6% ยังไม่มีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่ม
นายเบญจ์เยี่ยม ส่งวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) หรือ FN เปิดเผยว่า บริษัทเองยังเดินหน้าปรับแผนการดำเนินงาน เเละบริหารงานให้มีการเติบโตที่ดี ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการขาย จากเดิมที่ขายผ่านหน้าร้าน เป็นการขายไปยังการขายผ่านสื่อดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ อาทิ การขายแบบ ไดร์ฟ ทรู Drive-Thru เริ่มตั้งแต่ช่วง 20 มีนาคม 2563 และการขายโดยการ live ผ่าน facebook รวมถึงช่องทางอื่นๆ Line@: @Fnoutlet -Instagram
นอกจากนี้ได้ร่วมกับผู้ที่มีแพลตฟอร์มช่องทางการขายออนไลน์อยู่ก่อนแล้ว เช่น Shopee - Lazada เป็นต้น ทั้งนี้ช่องทางออนไลน์ดังกล่าวถือว่าได้รับความสนใจค่อนข้างดี โดยหลังจากนี้บริษัทจะมุ่งสู่ด้านออนไลน์มากขึ้น ให้มีการสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคและยังรอความชัดเจนจากทางภาครัฐว่าสถานการณ์ล็อกดาวน์จะยื้อระยะเวลาออกไปนานแค่ไหน
ซึ่งสินค้าที่จะขายในระยะนี้ จะเน้นเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันที่เป็นเทรนในสถานการณ์ เช่น สินค้าสเปรย์แอลกอฮอล์ KUMO ที่เป็นส่วนผสมแอลกอฮอล์จากส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ 100% และ Food grade สามารถทำความสะอาด ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ที่อาจก่อให้เกิดโรคได้ถึง 99.9% เเละมีความพิเศษกว่า สเปรย์ทั่วไปคือ สินค้ามีอายุ 3 ปี นับจากวันผลิต และสินค้าที่เป็นหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์ตนเอง(Private Brand)
*อัพสัดส่วนรายได้ออนไลน์
ซึ่งเป็นแผนของบริษัทที่ต้องจัดการในช่วงนี้ เนื่องจากปิดสาขาทั้งหมด จากปัจจุบันบริษัทมีสาขา ทั้งหมด 12 สาขา ได้แก่ เพชรบุรี , กาญจนบุรี , พัทยา (ชลบุรี) , ปากช่อง (นครราชสีมา) , สิงห์บุรี , หัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) , ศรีราชา (ชลบุรี) , พระนครศรีอยุธยา , หาดใหญ่ (สงขลา) , ฉะเชิงเทรา , ระยอง , และสาขาไดอาน่า (หาดใหญ่) ด้านการขยายสาขาในปี 2563 ยังไม่มีนโยบายการขยายสาขาใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่จะเน้นการลงทุนในด้านออนไลน์ซึ่งไม่ได้ใช้งบลงทุนที่สูงมากนัก
อย่างไรก็ตามจากเดิมบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากยอดขายออนไลน์ปี 2563 จะเพิ่มขึ้นมาที่ 6% จากปี2562 อยูที่ 3% ทั้งนี้จากการปิดสาขาหน้าร้านทั้งหมดทำให้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขการขายออนไลน์ได้ โดยบริษัทมีสัดส่วนสินค้าแบรนด์ตนเอง (Private Brand) อยู่ที่ 69% ส่วนตราสินค้าชั้นนำอื่นๆ (Non-Apparel) ปัจจุบันอยู่ที่ 30% ซึ่งสัดส่วนสินค้าแบรนด์ตนเอง(Private Brand) มีมาร์จิ้นที่ดีกว่า ทำให้บริษัทจะมีการเติบโตของอัตรากำไรที่ดีขึ้นในอนาคต
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม