> SET > LH

07 พฤษภาคม 2020 เวลา 12:03 น.

LH โบรกคาดกำไร Q1/63 หดตัวแรงจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม

ทันหุ้น - สู้โควิด - บจ.หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึง LH ว่า คาดผลประกอบการระยะสั้นยังถูกกดดันจาก ผลกระทบเชิงลบจาก COVID-19 และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม คาดผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2563/64 อยู่ในระดับสูงที่ 8.2% และ 9.6% ตามลำดับ


คาดกำไรสุทธิ 1Q63 ที่ 1.0 พันลบ (-74.7% QoQ, -42.6%YoY) หดตัวลงจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1) คาดยอดโอนที่ 5.2 พันลบ. ลดลง 9% YoY จากผลกระทบของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงปลายไตรมาส 2) คาดรายได้จากธุรกิจให้เช่าหดตัวลง 13% จาก Occ. Rate ของธุรกิจโรงแรมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียงระดับ Single digit ในช่วงปลายเดือน มี.ค. 63 และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงจาก HMPRO ที่โดนผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้า จึงเหลือช่องทางการขายผ่านสื่อออนไลน์เท่านั้น QH ที่ยอดโอนโครงการใน 1Q63 ชะลอตัว และ LHFG ที่ผลิกมาเป็นขาดทุนกว่า 709 ลบ. ใน 1Q63 (จากกำไรที่ 806 ลบ. ใน 1Q62) จากการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชี และการตั้งสำรองพิเศษภายใต้ TFRS 9 ทำให้เราคาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมใน 1Q63 ที่ 318 ลบ. หดตัวลงกว่า 63%YoY


ทางฝ่ายคาด Presale ใน 1Q63 ที่ 5.6 พันลบ. ทรงตัว YoY จากการเปิดโครงการแนวราบใหม่ใหม่ทั้งสิ้น 3 โครงการ รวมมูลค่า 3.8 พันลบ. โดยมี Highlight คือ Indy Bangna-Ramkhamhaeng 2 (มูลค่า 1.4 พันลบ.) เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ ที่คาดทำ Take-up rate ได้โดดเด่นกว่า 60% ทั้งนี้บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 จำนวน 16 โครงการ เป็นโครงการแนวราบทั้งสิ้น โดยมีมูลค่ารวม 2.8 หมื่นลบ. (-6.9% YoY)


ทั้งนี้คาด Presale 2Q63 เป็นจุดต่ำสุดของปี จากสถานการณ์ COVID-19 ฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด อาทิ พรก. ฉุกเฉิน ที่คาดส่งผลกระทบเชิงลบต่ออัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการและคาดส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจในการซื้อ โดยเฉพาะอสังหาริทมทรัพย์ในช่วงระดับราคา High-end และ Luxury อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วม โดยเฉพาะ HMPRO (มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของส่วนแบ่งกำไรทั้งหมด) คงยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยหลักที่จะกดดันผลประกอบการใน 2Q63


อย่างไรก็ตาม เราคาดผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 2H63 จาการมีโครงการแนวสูงที่จะแล้วเสร็จเริ่มโอนจำนวน 3 โครงการรวมมูลค่า 7.9 พันลบ. กอปรกับ ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่คาดฟื้นตัวหากสถานการณ์ COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าจำนวน 1 แห่งใน USA (จากทั้งหมด 4 แห่ง) ใน 2H63 ซึ่งมีราคาทุนสุทธิเฉลี่ยที่ 3.5 พันลบ. คาดทำกำไรได้ราว 1.1 พันลบ. (อัตราทำกำไรที่ 30%)


ณ สิ้นปี 2562 LH มีเงินสดและวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารที่ 8.7 พันลบ. และได้รับการจัดอันดับ TRIS credit rating สูงที่สุดในอุตสาหกรรมที่ A+/Stable กอปรกับ DE ratio ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่เพียง 1.1x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.5x ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจึงอยู่ในระดับที่ต่ำ


ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563/64 ลง 6% และ 2% เป็น 8.1 พันลบ. และ 9.3 พันลบ. ตามลำดับ สะท้อนผลประกอบการ 1Q63 ที่อ่อนแอและผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจหลักและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมใน 1H62

ปรับลดราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ของ LH เป็น 8.25 บาท (SOTP Discount factor ที่ 30%) คงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมคาดเงินปันผลปี 2563/64 ที่ 0.60 บาท/หุ้น และ 0.70 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 8.2% และ 9.6% ตามลำดับ

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X