> SET >

05 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:30 น.

SETไทยถึงจุดแพงรึยัง เก็งกำไรหุ้นที่ขึ้นน้อย

ทันหุ้น – สู้โควิด- หุ้นไทยทะยานฝ่า 1,300 จุด แรงซื้อกระหน่ำกลัวตกรถ นักวิเคราะห์ชี้หุ้นแพงจริง แต่ยังมีปัจจัยรั้งทั้งแรงขายชอร์ตอ่อน และสภาพคล่องตลาดที่สูงมาก เฟ้นเก็บหุ้นที่ราคายังไม่แพงมากนัก โรงกลั่น SPRC-TOP- BCP และ BBL ส่งออก KCE ด้านห้างสรรพสินค้าแม้ยังไม่เปิด แต่สามารถเก็งหุ้นร้านอาหารได้


ตลาดหุ้นไทยสิ้นเดือนเมษายนยืนเหนือ 1,300 จุดสำเร็จ โดยดัชนี 30 เม.ย. ปิดที่ 1301.66 จุด เพิ่มขึ้น 18.98 จุด หรือ 1.48% เทียบวันก่อนหน้า (29 เม.ย.) และนับเป็นการเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุด 34.31% อย่างไรก็ดีวันนี้ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับประเด็นสงครามการค้าที่กลับมาปะทุอีกครั้ง หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่ที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่เพื่อตอบโต้จีนที่เป็นต้นตอของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแพร่ระบาด และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกติดลบในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาของไทย


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงเนื่องจากมีกระแสเม็ดเงินจากกองทุนเข้ามาเก็บหลังจากก่อนหน้าเทขายออกไปมาก แต่ดัชนี ณ ปัจจุบัน เทียบกับกำไร SET ปีนี้ ที่ลดลงมาอยู่ที่ 74 บาท ส่งผลให้หุ้นไทยมีพีอีที่สูงถึง 17.56 เท่า สูงกว่าปีก่อนหน้า


อย่างไรก็ดีประเมินตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยประคับประคองใน 2 ด้านด้วยกัน คือ การลดลงของแรงขาย เนื่องจากเกณฑ์ใหม่ซอร์ตเซลทำให้แรงขายชอร์ตลดลงไม่มากจากระดับเฉลี่ย 5,000 ล้านบาทต่อวันเหลือ 1,000 ล้านบาท และประกอบกับการอัดฉีดสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่เข้ามาสูงจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 6.57 ล้านล้านดอลลาร์อย่างรวดเร็ว โดยในไทยเองต่างชาติอาจจะไม่สนใจด้วยราคาแพง แต่กองทุนที่ถือเงินสดมากก่อนหน้าก็กลับเข้ามาเพราะให้ทันดัชนีขึ้น ทำให้หุ้นไทยเคลื่อนไหวไว้ได้สูง ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรได้ แต่ยังไม่ใช่จังหวะของนักลงทุนระยะกลาง-ยาว


@เฟ้นหุ้นราคายังไม่แรง


ทั้งนี้แนะนำเลือกหุ้นที่ยังไม่ได้ขึ้นมาเยอะมากประกอบด้วย 1.กลุ่มโรงกลั่น ได้แก่ SPRC , TOP , BCP เนื่องจากราคาได้สะท้อนผลขาดทุนมหาศาลจากการบันทึกขาดทุนน้ำมนไปแล้ว และยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. 2.กลุ่มธนาคารที่ราคายัง Laggard เลือก BBL ที่จะอาจจะลุ้นเข้าดัชนี MSCI รอบถัดไป 3. หุ้น BAM และ JMT ที่ราคายังขึ้นน้อยกว่ากลุ่มไฟแนนซ์


ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ขึ้นมาเนื่องจากดัชนีได้เลยจุดจิตวิทยาสำคัญที่ 1,280 จุดทำให้มีแรงซื้อเข้ามามาก เพราะกลัวตกรถ ประกอบกับราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่ดี ทำให้มีแรงซื้อเข้ามา แนะนำเข้าหุ้นราคาสำหรับหุ้นที่ยังไม่แรงมากคือกลุ่มส่งออก KCE และ BBL ส่วนปิโตรเคมี SCC IVL ยังลงทุนได้


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่จะผันผวน ฝ่ายวิเคราะห์จึงแนะนำนักลงทุนเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่ผันผวนต่ำ ปันผลสูง อย่าง RATCH, KBANK และ DCC หรือหากสามารถรับความเสี่ยงได้แนะนำหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มโดดเด่นเช่น STA, IVL, และ COM7


ยังไม่เปิดห้าง


นายกลินทร์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุ ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือป้องกันไม่ให้โควิด-19กลับมาระบาดหลังได้ หลังจากมีการผ่อยคลายเปิด 6 กลุ่มธุรกิจ สำหรับห้างสรรพสินค้านั้น สามารถเปิดให้บริการส่วนที่เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตได้เช่นที่ผ่านมา แต่สำหรับพื้นที่ส่วนอื่นยังปิด ต้องรอการพิจารณา


บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าจะเริ่มกลับมาเปิดได้ในเร็วนี้ หุ้นที่ได้รับประโยชน์จะเป็นหุ้นร้านอาหาร ได้แก่ M มีสาขาทั้งสิ้น 666 สาขา, SNP จำนวน 529 สาขา, ZEN จำนวน 337 สาขา, OISHI จำนวน 264 สาขา, และ AU จำนวน 37 สาขา ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ZEN ราคาเหมาะสมที่ 15.80 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X