ทันหุ้น – สู้โควิด – IP จับมือพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา จำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขายที่ 10 ล้านบาท ชี้ความต้องการล้น ด้านผู้บริหาร “ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร” แย้มโควิด-19 ระบาด วิตามินซีรวมขายดี ยอดโต 4-5 เท่าตัว ส่งซิกผลงานไตรมาส 2 สดใส ปักธงรายได้ปี 63 มาตามนัดพุ่ง 25% โบรกดีดลูกคิดกำไรปี 63-64 แจ่ม คาดทำได้ 57.3 ล้านบาท และ 72.4 ล้านบาท ตามลำดับ

นายทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) หรือ IP เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดขายวิตามินซีรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 4-5 เท่าตัว เนื่องจากผู้บริโภคต้องการอาหารเสริม เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับวิตามินซีรวมที่บริษัทวางจำหน่ายมีราคาถูก ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ ขณะเดียวกันยังมีวิตามินซีประเภทอื่น ซึ่งมีราคาสูงขายดีเช่นเดียวกัน โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 1-2 เท่าตัว

จับตา Q2 ยอดพุ่ง

ขณะที่ทิศทางในไตรมาส 2/2563 บริษัทคาดจะเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา แต่จะเติบโตดีเท่าไรนั้น บริษัทขอดูแนวโน้ม และนโยบายการปลดล็อกพื้นที่ต่างๆ ภายในเขตกรุงเทพและปริมณฑลก่อนว่าจะเป็นอย่างไร หากมีการปลดล็อก คาดว่าผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอย และป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดมากขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจำหน่ายสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เช่น เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย ที่สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยจะเริ่มจำหน่ายสินค้าภายในไตรมาส 2/2563 และขยายช่องทางไปในร้านค้าปลีกมากขึ้น เช่น Boots, Watsons และ Tops supermarket เป็นต้น

พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา เพื่อจำหน่ายสินค้าประเภทวิตามินรวมไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งปัจจุบันความต้องการของสินค้าดังกล่าวมีอยู่มาก ทั้งนี้บริษัทคาดยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากต่างประเทศไม่มากนัก เมื่อเทียบกับยอดขายในช่องทางปัจจุบัน เบื้องต้นคาดจะมียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

คงเป้ารายได้โต 25%

ขณะเดียวกันในปี 2563 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตที่ 25% ต่อจากปีก่อน 375.88 ล้านบาท อีกทั้งภายใน 3 ปี (2563-2564) บริษัทยังวางกรอบเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 25% เช่นเดียวกัน ส่วนจะมีอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 16-20% จากปี 2562 อยู่ที่ 11.57% โดยบริษัทจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้บริษัทมี Economy of scale ด้วย

“นอกจากนี้วิตามินซีรวมของคนหรือผู้บริโภคทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงก็มีความต้องการมากเหมือนกัน และยังขายดี เพราะตอนนี้ผู้บริโภคอยู่บ้าน ไม่ออกมา ไม่เดินทาง ทำให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย” นายทรงวุฒิ กล่าว

เคาะกำไรโตต่อ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ IP ว่า คาดว่ากำไรปี 2563 และ 2564 อยู่ที่ราว 57.3 ล้านบาท และ 72.4 ล้านบาท เติบโต 32% และ 26% ตามลำดับ โดยในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้ราว 464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนเติบโตจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นส่งผลให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง

อีกทั้งมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 9 ผลิตภัณฑ์ทั้งของคนและสัตว์เลี้ยง อาทิ ผลิตภัณฑ์บำรุงตับ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และProbiotics วัคซีนสำหรับสัตว์ อาหารสุนัขและแมวที่เป็นโรคไต และโรคภูมิแพ้ ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นจาก 57.6% ในปี 2563 เนื่องจากมีการยกเลิกการขายสินค้า NABOTA ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายทรงตัวที่ระดับ 32.5% ส่งผลให้คาดว่าปี 2563 จะมีกำไรราว 57.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน ขณะที่ปี 2564 คาดว่ารายได้จะเติบโตสู่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2563จากการรับรู้รายได้จากสินค้าที่เปิดตัวในปี 2563 เต็มปีและมีการออกสินค้าใหม่ในปี 2564 อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีกำไรราว 72.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากปี 2563