ทันหุ้น-สู้โควิด :บล.ทรีนีตี้ ได้ปรับลดประมารการกำไรของหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ทั้ง 3 บริษัท ประกอบด้วย LH-QH และ AP ลง หลังประเมินได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่มองว่ายังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่ดี จึงยังแนะนำซื้อ

บล.ทรีนีตี้ ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งประกอบด้วยหุ้นบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH, บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP 

ในส่วนของ LH คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาทลดลง 69.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 เนื่องจากไตรมาสก่อน มีการรับรู้กำไรพิเศษ การขายโรงแรม Grande Center Point Thonglor เข้ากอง REIT และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จะลดลง 22.8%

โดยได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2563 ลง 10% เป็น 7.71 พันล้านบาท จากการปรับลดรายได้จากการโอนลง 20% เป็น 2.15 หมื่นล้านบาท และรายได้จากกลุ่มค่าเช่าลง 23% จากการปิดบริการโรงแรมบางแห่งและจากการที่ Occupancy rate ปรับตัวลดลงอยู่ที่ต่ำกว่า 10% ในช่วงกลางเดือนมี.ค. 2563 ถึงปัจจุบัน

        

LH ยังคงแผนเดิมที่ตั้งไว้ที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 16 โครงการ แต่อย่างไรก็ดี อาจต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน  ในประเด็นของ Liquidity ยังไม่มีความกังวล เนื่องจาก LH ยังมีเงินสดในฃมือที่ 4.55 พันล้านบาท ณ สิ้น ปี 2562 ในขณะที่ยังมีวงเงินกู้เพิ่มจากทางธนาคารอีก 9.8 พันล้านบาท ยังคงยอด Presales ที่ 2.8 หมื่นล้านบาทเท่ากัน จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่ 16 โครงการ มูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านบาท โดยที่โครงการทั้งหมดจะเป็นโครงการแนวราบ เนื่องจาก LH ยังคงเป็นผู้นำบ้านแนวราบระดับบนที่ยังมี Demand อยู่มากและได้ผลกระทบจากมาตรการ LTV และความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่ากลุ่มคอนโด คาดระดับ Gross Margin ของปี 2563 จะอยู่ที่ราว 32% ตามเดิม

          

LH วางแผนขาย Apartment 1 แห่งในสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  ซึ่งทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิของฝ่ายวิจัยทรีนีตี้ ยังมี Upside ได้อีก 

แม้ว่าจะปรับคาดการณ์กำไรปี 2563 ลง แต่ก็ยังมี Upside จาก กำไรพิเศษจากการขาย Apartment ที่สหรัฐฯ และคาดว่าระดับ Gross Margin ยังคงอยู่ในระดับสูง และยังไม่แผนการใช้ Pricing ในการเพิ่มยอดขาย จึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 9.00 บาท จากเดิม 11.30 บาท 

**หั่นเป้ากำไร QH รับผลกระทบโควิด

ส่วนหุ้น QH ควด่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 405 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 42.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/62 และลดลง 53.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากคาดการณ์ยอดโอนที่ 1.6 พันล้านบาทลดลง 17.3% จากไตรมาส 4/62 และลดลง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

โดยได้ปรับลดคาดการณ์ยอดโอนปี 2563 ลง 13.8% เป็น 8.13 พันล้านบาท และรายได้จากกลุ่มโรงแรมและค่าเช่าลง 31% เป็น 932 ล้านบาท จากผลกระทบของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ Occupancy rate อยู่ในระดับต่ำแม้ว่า QH จะยัง Operate โรงแรมอยู่เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าจาก Long term contract อยู่ 

ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดกำไรสุทธิลง 16.6% เป็น 2.43 พันล้านบาท จากยอดโอนที่ต่ำลง ประกอบกับเราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะลดลงจาก HMPRO ที่ได้ปิดสาขากว่า 80% ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 2563 และการพลาด HMPRO Expo ที่ผ่านมา รวมทั้ง LHFG ที่มีการบันทึกขาดทุนในไตรมาสแรกปีนี้ 

          

QH ยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 3 โครงการ มูลค่ารวมที่ 3.4 พันล้านบาท โดยทาง QH เองจะรอดูสถานการณ์โดยรวมก่อน ฝ่ายวิจัยคาดว่าเป้า Presales ที่ 9.2 พันล้านบาทมี Downside Risk อยู่มาก เนื่องจากในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ยอดเข้าเยี่ยมชมโครงการได้หดไป 30-40% 

 ยังคงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 2.70 บาท จากเดิมที่ 3.00 บาท มองว่า QH ยังสามารถรักษาระดับ Gross Margin ที่ราว 31-33% ได้ และยังไม่มีแผนการใช้ Pricing ในการขายโครงการแนวราบ ด้านราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาสะท้อนสภาวะตลาดโดยรวมไปมากแล้ว และยังเชื่อว่า QH จะยังคงเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลได้สูงต่อเนื่อง โดยคากว่า Dividend Yield จะอยู่ที่ 7.4% โดยประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.13 บาท/หุ้นสำหรับผลประกอบการรอบครึ่งหลังของปี 2562 และจะขึ้น XD ในวันที่ 28 เม.ย. 2563

**คาด AP เลื่อนเปิดโครงการ

 ฝ่ายวิจัยทรีนีตี้ คาด AP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/63  ที่ 578 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 34.6% เทียบกับไตรมาส 4/62  และลดลง  46.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  โดยรายได้จากการโอนคาดว่าอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ในไตรมาสแรกปีนี้  ได้เริ่มโอนใหม่อย่าง Aspire Sukhumvit-Onnnut Phase ไปแล้ว

นอกจากนี้ได้ปรับคาดการณ์ยอดโอนปี 2563 ลง 8.8% เป็น 2.12 หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์ว่า AP จะมีการเลื่อนเปิดโครงการแนวราบบางส่วนไปเป็นปี 2564 แทน หลังจากที่ AP ได้เลื่อนการเปิดตัวโครงการคอนโดทั้ง 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.21 หมื่นล้านบาท (โครงการของ AP 2 โครงการ และโครงการภายใต้การร่วมทุน 2 โครงการ) ไปยังปี 2564 แทนหลังจากที่ตลาดโดยรวมยังอ่อนแอจากผลกระทบของโควิด-19  และยอดขายจากลูกค้าต่างชาติก็ลดลงเช่นกันและปรับ Gross Margin ลงเล็กน้อย เนื่องจาก AP จะเน้นการขายโครงการใน Inventory ที่คาดว่าอาจต้องใช้ Pricing ในการช่วยขาย ในขณะที่เราปรับลดค่าใช้จ่าย SG&A ลง เนื่องจากคาดว่ากิจกรรม Marketing ต่างๆต้องระงับไว้ก่อน และหันมาเน้นการใช้สื่อ Online ที่มีต้นทุนต่ำกว่าแทน ส่งผลให้ปรับกำไรสุทธิลง 18% เป็น 2.89 พันล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 5.8%  

         

 ด้านยอด Presales ที่ใน 1Q63 สะสมอยู่ที่ 6.05 พันล้านบาท หรือนับเป็น 18% ของเป้าที่ 3.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดกว่า AP จะมีการปรับเป้ายอด Presales ลง เป็น 2.87 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการเลื่อนเปิดโครงการคอนโด 4 โครงการมูลค่ารวม 1.21 หมื่นล้านบาท จากสมมติฐานที่สามารถทำยอด take up rate ได้ที่ 40%   

          

ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายใหม่ ที่ 6.30 บาท จากเดิม 7.80 บาท  โดย AP ยังถือว่าปลอดภัย เนื่องจากมี Backlog จากการร่วมทุนที่แข็งแกร่ง และโครงการของ AP ยังถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีโดยเฉพาะโครงการแนวราบ เรายังคงเลือก AP เป็น Top Pick ของกลุ่ม และ AP ยังคงจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง และคาดว่าจะมี Dividend yield ที่ 7.6% และ AP จะขึ้น XD วันที่ 12 พ.ค. 2563 สำหรับการจ่ายเงินปันผลรอบปี 2562

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่

APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA

APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7

LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5

FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1