เอกชนวอนรัฐอุ้มค่าไฟ สมคิดถกพลังงานวันนี้

ทันหุ้น – สู้โควิด – เอกชนวอนรัฐค่าไฟผู้ใช้มิเตอร์ขนาด 50 แอมป์ และขอยกเลิกค่า demand charge กลุ่มโรงงาน และคืนประกันไฟฟ้า พร้อมขอรัฐจ่ายเงินเดือนลูกจ้างกลุ่มต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท 50% ด้าน “สมคิด” รับลูกค่าไฟเตรียมคุยกับเจ้ากระทรวงพลังงานวันนี้ ย้ำชัดเดินหน้าแพ็กใหญ่ 4 แสนล้านบาทฟื้นฟูเศรษฐกิจมิถุนายน

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ภาคเอกชนได้รายงานผลการเยียวยาที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และได้สรุปความเดือดร้อนที่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้า ซึ่งเบื้องต้น ดร.สมคิด ได้รับข้อเสนอและจะนำเข้าที่ประชุมร่วมกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วันนี้ โดยมีมาตรการดังนี้

1.พิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ติดตั้งมิเตอร์ขนาด 50แอมป์ (ลงมา), 2.พิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้ไฟกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องชำระค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้า (demand charge) ในอัตราสูงสุด ด้วยการปรับให้เป็นการคิดค่าไฟฟ้าตามปริมาณการใช้จริง , และ 3.พิจารณาคืนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าให้กับกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง-ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับภาคประชาชน

“ได้ชี้แจงไปว่าการลดค่าไฟให้สำหรับมิเตอร์ 15 แอมป์นั้นไม่ครอบคลุมกลุ่ม SMEs เพราะติดมิเตอร์สูงกว่านั้น อีกเรื่องคือค่า demand charge ซึ่งผู้ประกอบการโรงงานต้องจ่ายในอัตราสูงสุด ทั้งๆ ที่ปัจจุบันบางรายก็ต้องหยุดผลิต แต่ยังต้องจ่ายอยากให้คิดตามการใช้งานจริง”

ขอช่วยพนักงาน

ปัญหาเร่งด่วนอีกประการคือ การที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนชะลอการปลดพนักงานออก ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการขนาดใหญ่ก็ยังคงจ้างพนักงานไว้ทั้ง 100%แต่เมื่อรายได้ขาดหายไปเป็นระยะเวลานาน ผู้ประกอบการก็จะไม่สามารถแบกรับต้นทุนคงที่ดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้ร้องขอให้ภาครัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือกรณีเงินเดือนพนักงานที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 15,000บาท ลงมาในสัดส่วน 50%นอกจากนี้คือการขอให้พิจารณาเลื่อนการประกาศใช้ภาษีที่ดินฉบับใหม่ออกไป เพื่อช่วยลดภาระด้านภาษีของผู้ประกอบการ

เตรียมงบ 4 แสนล.อัดแพ็กใหญ่มิ.ย.

ด้าน ดร.สมคิด เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เร่งทำงานร่วมกับภาคเอกชน และท้องถิ่น ต่างๆ จัดทำโครงการที่มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการเป็นรูปธรรมได้ช่วงเดือนมิถุนายน 2563โดยงบประมาณจะนำมาจากเม็ดเงินเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกรอบพ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท

ดร.สมคิด กล่าวด้วยว่า ได้กำชับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ (Soft Loan) ที่จะปล่อยกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้กับเอกชนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยให้ ธปท.ติดตามดูแลให้การกระจายสินเชื่อเป็นไปอย่างทั่วถึง ที่สำคัญคือธนาคารพาณิชย์จะต้องผ่อนปรนเงื่อนไขให้กับผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อ ทั้ง SMEs, Startup, รวมถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ประสบปัญหาเช่น ธุรกิจการบิน, ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ฯลฯ