> เป้าลงทุน หุ้นคาร์บอนต่ำ >

14 เมษายน 2020 เวลา 16:31 น.

ต่ำกว่า 1200 จุด ภาพการพักฐานจะชัดขึ้น

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ตลาดหุ้นไทยบ้านเราขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือบริเวณ 1200 จุด และเริ่มมีอัตราเร่งที่ลดลง และจากนี้ให้ระมัดระวังถึงโอกาสในการพักฐาน  โดยมองว่า สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ซึ่งตลาดมองว่าผ่านจุดพีคไปแล้ว หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมีอัตราที่ลดลง  ตลาดหุ้นขึ้นมารับประเด็นบวกนี้แล้ว  ส่วนกลุ่มพลังงานที่เป็นปัจจัยหนุน SET ก่อนหน้านี้  เริ่มมี Upside จำกัดเช่นกันตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยการลดกำลังการผลิตประมาณ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-มิ.ย. จากนั้นลดเหลือ 8 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค.63 และ 6 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงเดือน ม.ค.64 – เม.ย.65) ซึ่งมองว่าไม่เพียงพอต่อการชดเชยอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงประมาณ 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19  


นอกจากนี้ต้องระมัดระวังแรงขายในกลุ่มแบงก์ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q1/63 ที่ไม่ดี โดยฝ่ายวิจัยฯ บล.ไทยพาณิชย์ คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารหดตัว 17%YoY และ 1%QoQ และหากตัด TMB และ TCAP ซึ่งผลประกอบการจะถูกบิดเบือน โดยการควบรวมกิจการและการปรับโครงสร้างธุรกิจออกไป คาดว่ากําไร Q1/63 ของกลุ่มธนาคารจะลดลง 4% QoQ และ 25% YoY จากสินเชื่อที่หดตัว และ NIM แคบลง โดยมีสาเหตุมาจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps ในเดือนก.พ. และ ลดลงอีก 25 bps ในเดือนมี.ค. ด้าน non-NII ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากกําไรจากเงินลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอลง โดยมีสาเหตุมาจากการจัดชั้นค่าธรรมเนียม upfront fee ในการให้สินเชื่อใหม่เป็นรายได้ดอกเบี้ยที่ทยอยรับรู้ภายใต้มาตรฐานบัญชี TFRS9 และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองหนี้ฯ ที่เพิ่มขึ้นในรูปของ management overlay เพื่อสะท้อนผลกระทบที่อาจได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อคุณภาพสินทรัพย์


นอกจากนี้ สถานการณ์ COVID-19  ของหลายประเทศยัง Lock down อยู่ อย่างน้อย 1 เดือนในเดือนเม.ย. และบางประเทศขยายไปถึงสิ้นเดือนพ.ค. หมายความว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะหยุดชะงัก 1-2 เดือน ดังนั้นตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ จะแสดงถึงสัญญาณหดตัว ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะกลับมากดดันตลาด 


ด้านทิศทาง fund flow ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวใน SET50 Futures โดยปัจจุบันระดับสถานะคงค้าง (Open Interest : OI) ลดลงเหลือเพียง 2.0 แสนสัญญา จากที่เคยเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 2.6 แสนสัญญา (ดูเฉพาะ S50M20) แสดงว่ามีการปิดสถานะไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการปิดสถานะ Long ทำให้กำไรที่เปิดไว้ก่อนหน้าของนักลงทุนต่างชาติ  ผมแนะนำให้ติดตามสถานะคงค้างดังกล่าว หากเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แสดงว่ามีการเปิดสถานะใหม่เข้ามา และโดยเฉพาะทิศทางจากนักลงทุนต่างชาติ หากเปิดสถานะไปทางไหน จะสามารถช่วยให้เราคาดการณ์ทิศทาง SET ข้างหน้าได้ดีขึ้นครับ เช่น หากต่างชาติเปิดสถานะ Long ต่อ ก็มีโอกาสที่ SET จะปรับขึ้นต่อ (หากปรับลงก็น่าจะเป็นระยะสั้นๆ) แต่หากต่างชาติกลับมาเป็น Short ให้ระมัดระวังว่าต่างชาติจะกลับมาขายหุ้นอย่างมีอัตราเร่งอีกครั้ง


ในมุมมองของผม มองว่าแนวโน้มข้างหน้า SET จะพักฐานมากกว่าการปรับขึ้นได้ต่อ โดยติดตามบริเวณ 1200 จุด หากกลับมาต่ำกว่า ผมคาดว่าจะเห็นแนวโน้มการพักฐานของตลาดที่ชัดขึ้น และดัชนีมีแนวโน้มปรับลงมาหาบริเวณ 1130-1150 จุด และ 1100 จุด ตามลำดับ ซึ่งผมแนะนำเป็นจุดให้เราพิจารณาในการกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้งครับ ส่วนช่วงนี้ เป็นจังหวะของการขายหุ้นลดพอร์ตน่าจะดีกว่า


ส่วนกรณี SET เริ่มปรับตัวลง หรือลงมาถึงเป้าหมายที่ผมให้เป็นจุดเข้าซื้อ ผมมีหุ้นแนะนำ 5 ตัว ในสองกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก เป็นกลุ่มหุ้น 5 ธุรกิจผู้นำ คือ BDMS BEM BTS CPF และ MINT และอีกกลุ่ม คือ 5 Value Stocks ซึ่งผมเคยแนะนำไปแล้วในคอลัมน์เมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีราคาถูกกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ได้แก่ AMATA, DIF, PTTGC, SCC, WHAUP...และพบกันใหม่ฉบับหน้า ด้วยรักและหวังดี

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X