> SET > GULF

09 เมษายน 2020 เวลา 10:28 น.

GULF โรงไฟฟ้าหนุนกำไรปกติโตโดดเด่น 5-10 ปีข้างหน้า ลุยแผนเพิ่มกำลังผลิตและขยายลงทุนด้าน Infrastructure

ทันหุ้น-สู้โควิด -บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียไซรัส จำกัด(มหาชน) ระบุว่าปัจจุบันGULFมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น (Equity MW) ของโครงการที่ดำเนินการแล้วและมีสัญญาขายไฟระยะยาว (PPA) รองรับ ที่ 2,701 MW และภายใน ปี 2027 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 7,781 MW หรือเพิ่มเฉลี่ย 18.8% ในช่วงปี 2020-2025


โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่จะทยอย COD หลักๆ ในช่วงดังกล่าว คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลGGC 25 MW ในปี 2020, โครงการ Wind Mekong 310 MW ช่วงปลายปี 2020- 2021, โรงไฟฟ้าก๊าซ DIPWP ในโอมาน (ถือหุ้น 45%) ขนาด 326MW ในปี 2021- 2022, โรงไฟฟ้า IPP “GSRC” (ถือหุ้น 70%) 2650 MW ในปี 2021-2022, โรงไฟฟ้าIPP “IPD” (ถือหุ้น 70%) 2,650 MW ในปี 2023-2024, โรงไฟฟ้า IPP “HKP” (ถือหุ้น49%) 1400 MW ในปี 2024-2025, และโรงไฟฟ้า “BRP” (ถือหุ้น 35%) 540 MW ในปี2027 ตามลำดับ


กำไรปกติโตโดดเด่นใน 5-10 ปีข้างหน้า


จากแผน COD ของโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าว จะหนุนให้รายได้และก าไรเติบโตโดดเด่น โดยปี 2020 คาดรายได้ขายไฟโต 12% และกำไรปกติปี 2020 โต 33% จากผลเต็มปีของการ COD ของ 4 โรง SPP และ 2 โรงไฟฟ้าโซลาร์ในเวียดนามซึ่งสัดส่วน การถือหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย จาก 49% เป็น 90% กอปรกับการ COD ของโรงไฟฟ้าชีวมวล GGC และก าไรจะเร่งตัวขึ้นอีกโดยเฉพาะหลังปี 2021 ที่มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ทยอย COD โดยรวม ใน 5 ปีข้างหน้า (2020-2024) คาดก าไรปกติโตเฉลี่ยต่อปี39% CAGR


ขณะที่ใน 10 ปีข้างหน้า (2020-2029) โตเฉลี่ยต่อปี 19% CAGR สดัส่วนรายได้89% จาก กฟผ. ที่เหลือ 11% จากลูกค้าอุตฯ ความเสี่ยงจาก Covid-19 น้อยกว่า BGRIM และ GPSC ในปี 2019 รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ราว 89% มาจาก กฟผ.ตามสัญญา PPA 20-25 ปี ทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าแบบ IPP และ SPP ที่เหลือ 11% จากรายได้ขายไฟแก่


ลูกค้าอุตฯ (IU) ซึ่งกระจายในหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจ Auto, ผลิตชิ้นส่วนก่อสร้าง,อาหารและเครื่องดื่ม, อิเลคทรอนิคส์, Packaging, กระดาษและส่วนประกอลงานพิมพ์,ปิโตรเคมี เป็นต้น ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากลูกค้า IU ของ BGRIM อยู่ที่ราว 25%และของ GPSC มากสุด ราว 55% ทั้งนี้ ภายในปี 2027 ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้า IPP ใหม่ๆ ของ GULF มีการ COD ตามแผน คาดว่าสัดส่วนรายได้จาก กฟผ. จะเพิ่มเป็น95% ที่เหลือเพียง 5% มาจากลูกค้า IU ซึ่งจะยิ่งท าให้มีความแน่นอนของกระแสเงินสด มากขึ้นไปอีก


ลุยแผนเพิ่มกาลังผลิตไฟ- ขยายลงทุนด้าน Infrastructure


บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มก าลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเภท รวมทั้งเพิ่มสัดส่วน โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากปัจจุบันที่เพียง 6% ทั้งนี้ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา โครงการร่วมทุนต่างๆ เช่น โครงการ LNG-to-Power ในเวียดนาม ก าลังผลิตสูงสุด 6,000MW, โครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (Oman Replacement) ขนาด 2,000 MW, 3 โครงการ Hydropower ในลาว รวม 2,366 MW เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนด้าน Infrastructure ต่างๆ เช่น (1) โครงการมาบตาพุดเฟส 3 (MTP3)


ซึ่งจะเป็นงานถมทะเลและสร้าง LNG Terminal สัมปทาน 30 ปี มูลค่าโครงการราว 4.3 หมื่นล้านบาท โดยร่วมทุนกับกลุ่ม PTT สัดส่วน 70:30 โดยเซ็นสัญญา PPP กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) แล้ว คาดการก่อสร้างเฟส 1 ในช่วงปี 2020-2023 และเฟส 2 ในปี 2023-2027 (2) โครงการสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 3 (LCB3) สัมปทาน 35 ปี มูลค่าโครงการราว 3 หมื่นล้านบาท GULF ร่วมทุนกับกลุ่ม PTT และ China Harbour Engineering สัดส่วน 40:30:30 คาดการก่อสร้างในช่วงปี 2022-2028 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองก่อนจะเซ็นสัญญา PPP (3) โครงการ M6& และโครงการM81 Intercity Motorway สัมปทาน 30 ปี มูลค่าโครงการ 2.1 หมื่นล้านบาท และ 1.8 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ


โดย GULF จะถือหุ้น 40% ที่เหลือเป็นกลุ่ม BTS (40%) STECON (10%) และ RATCH (10%) รายได้จะมาจากงานออกแบบ สร้างระบบจัดเก็บเงิน บริหารจัดการและงานซ่อมบ ารุง คาดการก่อสร้างในปี 2020-2024คาดเซ็นสัญญา PPP ใน 2Q20 และ (4) การขาย ไฟและน้ำเย็นในโครงการ One Bangkok อายุสัญญา 30 ปี มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท โดย GULF จะถือหุ้น 33%Mitsui & Co. และ Tokyo Gas engineering แห่งละ 33% ทั้งนี้คาดการก่อสร้างจะเริ่มใน 2Q20 แม้มีการลงทุนหนัก แต่เชื่อว่าฐานะการเงินยังอยู่ในระดบจัดการได้


คาดงบลงทุนรวมถึง 1.4 แสนล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า


โดยคาดปี 2020 ที่ราว 3.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2019D/E ที่ 1.7 เท่า คาดว่าปี 2020-2021 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.1-2.5เท่า และปี 2022-2023 จะขึ้นไปสูงสุดที่ 2.6-2.7 เท่า ยังต่ำกว่า Debt Covenants ที่ 3.5 เท่า หลังจากนั้น D/E จะทยอยลดลง แนวโน้มกำไรปกติ1Q20 เพิ่ม Q-Q, Y-Y แม้กำไรสุทธิถูกกระทบจาก FX Loss ทางบัญชีแนวโน้มกำไรปกติ 1Q20 กลับมาเพิ่ม Q-Q ส่วนใหญ่จากการซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทร่วม (GJP) น้อยลง และเป็นกำไรเพิ่มต่อเนื่อง Y-Y จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น


แนะนำ ซื้อสะสม ราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 192 บาท (Sum-of-the-part) จากมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติปีนี้ที่คาดโต 33% และใน 5-10 ปีข้างหน้า โตโดดเด่น จากโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ทยอยCOD โดยมีสัญญา PPA รองรับ ขณะที่มี Potential Projects ต่างๆ ที่ยังไม่รวมในประมาณการ เช่น โครงการ LNG-to-Power ในเวียดนาม โครงการ Oman Replacement และโครงการ Hydropower ในลาว ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นอนุมัติการแตกพาร์จากปัจจุบันที่ 5 บาท เป็น 1 บาท (คาดมีผลอย่างเร็วสัปดาห์น้า) แม้ไม่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน แต่จะทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายเพิ่มขึ้น




อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X