> SET > JMART

07 เมษายน 2020 เวลา 09:30 น.

JMARTจะผ่านโควิด19 ธุรกิจบริหารหนี้หนุนต่อ

ทันหุ้น - JMART ย้ำชัดโควิด- 19 กระทบธุรกิจน้อย ระบุรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจบริหารหนี้ พร้อมปรับแผนป้องกันความเสี่ยงโยกพนักงานทำงานที่บ้าน พ่วงหันรุกขายมือถือผ่านออนไลน์ สร้างรายได้เพิ่ม ทางด้านบิ๊ก "อดิศักดิ์" ปักเป้าปี 2563 ผลงานโตต่อเนื่องจากปี 2562


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ในแง่ประเด็นเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด 19 (COVID 19) ที่เกิดขึ้นนั้น ในส่วนของธุรกิจการบริหารจัดเก็บหนี้เสียภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JMART นั้นไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด


ขณะที่ธุรกิจของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทย่อยของ JMART ก็มีผลกระทบจากประเด็น COVID 19 ไม่มากนัก เพราะสาขาเดิมของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภายนอกไม่ใช้ห้างสรรพสินค้า จึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดห้างสรรพสินค้า อีกทั้งรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นในลักษณะขายตรงตามบ้าน ทำให้ยอดขายยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ


ส่วนธุรกิจจำหน่ายมือถือ บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด หรือ JMART MOBILE (บริษัทย่อยของ JMART) ซึ่งได้ผลกระทบโดยตรงจากมาตรการปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า เพื่อป้องกันการระบาดของไว่รัสโควิด- 19 นั้น บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ โดยการโยกพนักงานบางส่วนไปทำงานที่บ้าน (หันมาทำตลาดในส่วนของการขายมือถือและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ผ่านออนไลน์มากขึ้น บนแพลตฟอร์ม www.jaymartstore.com เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับธุรกิจ


ยันโควิดกระทบน้อย


ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ JMART แบ่งเป็น ธุรกิจบริหารจัดการหนี้เสียประมาณ 70%, ธุรกิจของ SINGER อีกราว 15%ส่วนที่เหลือนั้นมาจากการดำเนินงานของ JMART MOBILE


"ในแง่ปัญหา COVID 19 ที่เกิดขึ้นนั้นทาง JMART เรามองว่ากระทบต่อบริษัทไม่มาก เพราะปัจจุบันรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทจะมาจากธุรกิจบริหารจัดการหนี้เสียของ JMT ส่วนธุรกิจมือถือของ JMART MOBILE นั้นมีสัดส่วนรายได้คิดเป็นเพียง 15% เท่านั้น ดังนั้นจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจและผลงานการดำเนินงานของ JMART ปี 2563 น่าจะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2562" นายอดิศักดิ์กล่าว


แกร่งอนาคตไกล


ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น JMART เนื่องจากมองพื้นฐานธุรกิจของบริษัทยังแข็งแกร่งมาก และสามารถคาดหวังกำไรสุทธิปี 2563 ขึ้นทำระดับสูงสุดต่อเนื่องจากปี 2562ได้ แรงขับเคลื่อนจะมาจาก JMT ที่มีแผนซื้อหนี้เข้ามาบริหาร ภายใต้เป้าหมายซื้อหนี้ด้วยงบลงทุนเพิ่มอีก 4.5-6.0 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2562


ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการเข้าซื้อหนี้เสียใหม่คาดว่าจะช่วยให้พอร์ตติดตามหนี้ขยายตัวอีกไม่ต่ำกว่า 30% และยังสอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยคาด กำไร JMT ปี 2563 เติบโต 21.4% ส่วน J คาดว่ายังรักษากำไรต่อเนื่อง เพราะยังเหลือคอนโด Newera อีก 50% ที่พร้อมโอนปีนี้ และอีกหนึ่งธุรกิจที่หนุนการเติบโต คือธุรกิจจำหน่ายมือถือ (J Mobile) ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ยุค 5G เร็วกว่าคาดไว้


โดยในประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์นั้นยังไม่รวมผลบวกเอาไว้ โดยสถานะปัจจุบันผู้ประกอบการมีคลื่น 5G พร้อม ขณะที่ทุกรายประกาศความพร้อมการลงทุนแล้วแล้ว โดย JMART อยู่ในจุดที่ดี เนื่องจากเป็นพันธมิตรกับ ADVANC ผู้ที่ศักยภาพดีสุด ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายเครื่อง 5G และอุปกรณ์เสริม+Gadgets ที่จะมีบทบาทมากขึ้นในยุค 5G หนุนทั้งราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องและกำไรจากการขาย ซึ่งเชื่อว่า Upside ดังกล่าวน่าจะช่วยชดเชยธุรกิจการเงิน SINGER (ถือหุ้น 30.3% และ J Fintech) ที่มีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพหนี้จากผลกระทบโควิด-19 และการปรับใช้มาตรฐานบัญชี IFRS-9 ที่อาจส่งผลให้ต่อระดับการตั้งสำรอง


อย่างไรก็ตาม ภายหลังปรับปรุงสมมติฐานใหม่ให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน คือ รวมผลบวก 5G, ปรับเพิ่มระดับการตั้งสำรอง J Fintech และลดเป้าหมายสินเชื่อจากนโยบายเน้นควบคุมคุณภาพลูกหนี้ ภาพรวมยังได้ประมาณการกำไรปี 2563ใกล้เคียงเดิมที่ 603 ล้านบาท เติบโต 13% สวนทางราคาหุ้น YTD ที่ปรับตัวลดลงหนักในช่วงที่ผ่านมา จนมีค่า จึงให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น JMART โดยประเมินราคาพื้นฐานไว้ระดับ 11.60 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X