> กองทุน >

03 เมษายน 2020 เวลา 13:17 น.

บลจ.วรรณแนะพอร์ตรับมือวิกฤติ

 

ทันหุ้น-สู้โควิด-บลจ.วรรณ ชี้ปัจจุบันไม่มีแรงเทขายกองทุนตราสารหนี้ หลังมาตรการรัฐดูแลสภาพคล้องให้กับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมแนะนำจัดพอร์ตลงทุนรับภาวะเสี่ยงด้วยสัดส่วนลงตราสารหนี้ 65% หุ้น 23% และ 12% ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ส่วน ONE-HYPER ที่ปิดกอง เพราะแนะนำนักลงทุนโยกสับเปลี่ยนกองทุน และจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาวะความเสี่ยงในปัจจุบัน


ลดแรงเทขาย

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทจัดการกองทุน วรรณ จำกัด กล่าวว่า การเทขายตราสารหนี้เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ได้เกิดเฉพาะไทย ด้วยนักลงทุนกังวลเรื่องความสามารถในการชำระคืนหนี้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มาตรการที่แบงก์ชาติ (ธปท.)ออกมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนตราสารหนี้ สามารถลดแรงเทขายลงได้ ประกอบกับบอนด์ยิลด์ (Bond Yield) หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลดลงซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดตราสารหนี้ทำให้แรงเทขายลดลงด้วย


ไม่น่ากังวล

“ในส่วนของ บลจ.วรรณ ได้รับผลกระทบบ้างในช่วงแรกแต่หลังจากที่ ธปท.ออกเกณฑ์เสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนตราสารหนี้ และกองทุนของเราก็เข้าเกณฑ์ทั้งหมด ทำให้ลดแรงเทขายได้ และปัจจุบันถือว่าอยู่ในสภาวะปกติแล้วซึ่งที่ผ่านมาทางแบงก์ชาติก็ตามตลอดว่ามาตรการที่ออกมาดูแลสามารถช่วยลดแรงเทขายได้หรือไม่ ก็ต้องตอบว่า เป็นมาตรการที่สร้างความมั่นให้กับนักลงทุนได้มาก”


เสริมสภาพคล่องทุกกองทุนตราสารหนี้

ก่อนหน้านี้ ธปท. ออกเกณฑ์เสริมสภาพคล่องให้เฉพาะกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศ ซึ่งมีกองทุนที่เข้าเกณฑ์ราว 85% เหลือ อีก 15%ไม่เข้าเกณฑ์ ทำให้นักลงทุนเทขายกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนต่างประเทศ ก่อนที่ธปท.จะปรับเพิ่มใหม่โดยเข้ามาดูแลเสริมสภาพคล่องกับทุกกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ลดแรงเทขายไปได้


กระจายพอร์ตลงทุน

นายพจน์ มองว่า แม้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกับตลาดตราสารหนี้จะกลับมาดีขึ้น แต่ความเสี่ยงในเรื่องการระบาดของ โควิด-19 ยังไม่จบ สะท้อนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งไทยและทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นยังคงแนะนำให้ลงทุนอย่างระมัดระวัง ด้วยการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย โดยในส่วนของตราสารหนี้แนะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพราะมีความเสี่ยงต่ำ หรือจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำสุดเช่นกัน เหมาะสำหรับการลงทุนระยะสั้น เพื่อบริหารสภาพคล่อง


เน้นพันธบัตรรัฐ-ตราสารหนี้อายุสั้น

โดยภาวะปัจจุบัน ตราสารหนี้ยังเป็นตัวเลือกหลักในการลงทุน นายพจน์ ให้คำแนะนำว่า ในภาวะเช่นนี้ควรลงทุนตราสารหนี้ในสัดส่วน 65% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด ส่วนอีก 23% ของพอร์ตลงทุนในหุ้น โดยเป็นหุ้นไทย 5% เน้นกลุ่ม SET 50 และ 3% ลงหุ้นปันผล ซึ่งแม้หุ้นปันผลจะราคาผันผวนแต่ก็ควรต้องมีเพราะราคาลงมาจนถูกแล้ว


ลงทุนหุ้น

“แม้ภาวะเช่นนี้ ยังไงก็ยังต้องมีหุ้น เพราะหุ้นทั่วโลกวันนี้ลงมา 30% แล้วคุณจะไม่ช้อนเลยเชียวหรือ ดังนั้นผมมองว่าในหุ้น 23%ของพอร์ตทั้งหมด ต้องลงทุนในหุ้นต่างประเทศราว 10%โดยลงทุนหุ้นที่มีการเติบโตดีอย่างกลุ่มเทคโนโลยี ธุรกิจออนไลน์ และอีก5%แบ่งลงทุนในจีนและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะจีนที่เริ่มเปิดประเทศหลังโควิด-19 เริ่มหยุดการแพร่ระบาด ขณะที่สหรัฐอเมริกาแม้การระบาดจะรุนแรง แต่พื้นฐานเศรษฐกิจยังไม่ได้ออกมาแย่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันยังแนะให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด”


ปิดกองทุนONE-HYPER

นายพจน์ กล่าวต่อว่า อีกราว 12%ให้ลงทรัพย์สินทางเลือก คือทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรีท (REIT) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น นอกจากนนี้ พจน์ยังได้ทำการชี้แจงเรื่องปิดกองทุน วรรณ ไฮเปอร์ ไฟแนนเชียล อินสตรูเมนท์ ฟันด์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-HYPER) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่นักลงทุนตื่นตระหนกและเทขายตราสารหนี้ แต่เนื่องจากผู้จัดการกองทุนแนะนำผู้ถือหน่วยให้สับเปลี่ยนกองทุน และเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้อายุสั้นๆ เพื่อบริหารสภาคล่อง ดังนั้นด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนนี้อยู่ที่ ราว 400 กว่าล้านบาท ซึ่งเมื่อมีการสับเปลี่ยนกองทุน ทำให้เหลือมูลค่าสินทรัพย์อยู่ราว 200 ล้านบาท จึงตัดสินใจปิดกองทุนลงไป

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X