ทันหุ้น-สู้โควิด-13 บลจ.แห่ขายกองทุน SSF พร้อมกันวันแรก 1 เม.ย. 63 นี้ จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ด้านนายกสมาคมบลจ.คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าลงทุน 6หมื่นล้านบาท แต่แนะรอสถานการณ์โควิด-19และภาวะเศรษฐกิจไม่ต้องรีบ มีเวลาลงทุน 3 เดือน เปิดโผหุ้นบลูชิพเป้าหมายลงทุนของหุ้น SSF

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 13 บลจ.ที่จะเริ่มเสนอขายกองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF เพื่อลงทุนในหุ้น ซึ่งผู้ซื้อจะได้รับการลดหย่อนภาษีพิเศษเพิ่มเติม 2 แสนบาท ในวันที่ 1 เมษายน 2563 หลังจากนั้นจะเสนอขายเพิ่มเติมตามมาอีก 6 บลจ. ตามลำดับ คาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนประมาณ 6หมื่นล้านบาท ซึ่งระดับราคาหุ้นขณะนี้ถือว่ามีความน่าสนใจลงทุน

อย่างไรก็ตาม การที่ภาวะตลาดหุ้นขณะนี้ยังไม่เอื้ออำนวย อาจทำให้การขายหน่วยลงทุนช่วงแรกไม่มากนัก แต่ก็ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะนักลงทุนยังมีเวลาที่จะซื้อหน่วยลงทุนได้อีก 3เดือนจนถึง 30 มิถุนายน 2563ซึ่งนักลงทุนควรรอดูปัจจัยต่างๆ ให้ชัดเจนก่อน ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลง

**พร้อมเข้าหุ้นหลังปิดขาย IPO

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า กองทุน SSF ของบลจ.ทิสโก้ เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี สภาพคล่องสูง โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ได้ในวันที่ 1-15 เมษายน 2563และหลังปิดขาย IPO แล้วก็จะสามารถนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นได้ทันที โดยบลจ.ส่วนใหญ่ หลังขาย IPO แล้วก็จะนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นได้ทันที ขึ้นอยู่กับบลจ.แต่ละแห่งว่าจะขาย IPO ในช่วงใด ประเมินว่าเม็ดเงินใหม่ที่มาจากการลงทุนในกองทุน SSF ดังกล่าว จะเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนภาวะตลาดหุ้นโดยรวมได้

ด้านนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า หลังจาก ก.ล.ต. ออกประกาศเรื่องรายละเอียดของโครงการจัดการกองทุนรวม เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออมที่เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียน โดยล่าสุด ณ วันที่ 30มีนาคม 2563 ก.ล.ต. ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุน SSF หลักทรัพย์จดทะเบียน ไปแล้ว 17 กองทุน จากบลจ. จำนวน 13 แห่ง

**เปิดโผหุ้นเป้าหมาย SSF

นายณัฐชาติ เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า หุ้นที่เป็นเป้าหมายของกองทุน SSF ในช่วงไตรมาส 2/2563 ประกอบไปด้วย 1.กลุ่มพาณิชย์ ที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋าของรัฐบาล ได้แก่   MAKRO,   BJC กลุ่มสื่อสาร ที่มีปันผลสูง และได้ประโยชน์จากการใช้ดาต้าที่สูงขึ้น ประกอบด้วยหุ้น  ADVANC และ  INTUCH

กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ Valuation เริ่มลดความร้อนแรงลง และยังมีความน่าสนใจจากฐานรายได้ที่สม่ำเสมอ ได้แก่ BGRIM,   GPSC,   GULF,   EGCO และ  RATCH  ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และมีโอกาสซื้อสินทรัพย์ราคาถูกในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ได้แก่  BAM และกลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น ได้แก่  CPF และ  TU

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่าหุ้นพื้นฐานดี และราคาที่ปรับตัวลงมามาก เป็นหุ้นกลุ่มเป้าหมายของกองทุน SSF ประกอบด้วยหุ้น BAM,   AOT,   BDMS,   BTS  , CPALL,  KBANK,  PTT,   SCC และ  VGI