> พี่สอนน้องเล่นหุ้น > WHA

30 มีนาคม 2020 เวลา 06:20 น.

WHA

ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1100 จุด หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่ 1025 จุด ทำให้แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1130 และ 1160 จุด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1050 จุด โดยที่ปัจจัยบวกในระยะสั้นมาจากการซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาฟิวเจอร์ส และการทำ Window Dressing เนื่องจากภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 1 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากว่าระดับ 30%


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ WHA หรือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำในการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านโลจิสติกส์ โดยสามารถจำแนกส่วนธุรกิจได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Logistics Hub) ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม (Industrial Development Hub) ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน (Utilities & Power Hub) และธุรกิจให้บริการด้านดิจิทัล (Digital Platform Hub) อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีนโยบายในการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ฯ (WHART HREIT และ WHABT) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงการในอนาคตของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง


ผลการดำเนินงาน ปี 2562 มีรายได้รวม 13,385 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,229 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 61 ที่มีรายได้รวม 11,622 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,906 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท

น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 น่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ลูกค้าเลื่อนการโอนที่ดินออกไป


แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้ายอดขายที่ดินทั้งปี 63 ไว้ตามเดิมที่ 1,400 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 1,200 ไร่ และเวียดนาม 200 ไร่ โดยปัจจุบันเตรียมเซ็นสัญญาแล้ว 125 ไร่ ของเป้ายอดขายทั้งหมด อีกทั้งยังคงเป้ายอดโอนปีนี้ไว้ที่ 1,200 ไร่ รวมถึงยังมีแผนเปิดนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีหลังอีก 1 แห่ง ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 12 แห่ง


ส่วนธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค มองว่าได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากเหตุการณ์ภัยแล้ง โดยภาครัฐก็มีนโยบายให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดการใช้น้ำลง 10% ส่งผลทำให้ปริมาณการขายและให้บริการน้ำจะลดลงในครึ่งปีแรกนี้ แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่โหมดปกติ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าธุรกิจดังกล่าวจะยังเติบโตได้ โดยสิ้นปีนี้น่าจะมีปริมาณการขายและให้บริการน้ำเพิ่มเป็น 147 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อนทำได้ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคในเวียดนามจำนวน 30 ล้านลูกบาศก์เมตร


สำหรับยอดการเช่าพื้นที่สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัทยังคงเป้าหมายยอดเช่าอาคารในปีนี้ไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร โดยจะมาจาก E-commerce Park เฟส 2 จำนวน 70,000 ตารางเมตร, E-commerce Center เฟส 2 จำนวน 30,000 ตารางเมตร, Automotive จำนวน 25,000 ตารางเมตร, Multi temperature 11,000 ตารางเมตร, Food Process 10,000 ตารางเมตร และ Food Production 10,000 ตารางเมตร


ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากลูกค้าหลัก คือ Consumer, Health Care และ E-commerce ซึ่งธุรกิจที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือ E-commerce จากคนเริ่มมีการซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาก็มีการตื่นตระหนกเกิดขึ้น ทำให้มีการกักตุนอาหารกันอย่างมาก ซึ่งก็คือกลุ่ม Consumer ส่วน Health Care ตรงนี้ก็เห็นภาพชัดเจนแล้วว่าได้รับประโยชน์อย่างมาก


ส่วนธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนในปีนี้ไว้ที่ 590 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่ 559 เมกะวัตต์ โดยในส่วนของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟ) จะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50 เมกะวัตต์ จากปีก่อน 35 เมกะวัตต์


บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรในปีนี้เติบโต 15% ขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะเติบโตมาที่ 40% โดยจะมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (recurring) 43% และ non-recurring 57% รวมถึงยังวางงบลงทุน 5 ปี (63-67) ไว้ที่ระดับ 52,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบมากขึ้น และลากยาวเกินครึ่งปี บริษัทก็จะมีการทบทวนเป้าหมายอีกครั้งในช่วงครึ่งปีนี้


WHA มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 3.71 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 4.89 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 2.60 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1.71 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 2.00 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.30-2.34 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 2.56-2.60 เป็นเป้าหมายในการฟื้นตัว แต่ถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2.00 ลงไปอีกครั้ง ควรขายหุ้นออกไปก่อน


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Teerasak Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X