ทันหุ้น –สู้โควิด –LOXLEY ขานรับฟื้นสลากออนไลน์ หลังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เล็งทบทวนรูปแบบการออกสลากที่เป็นการลดความเสี่ยง หากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อนานเกิน 2 เดือน ลั่นเตรียมพร้อมสานต่อนโยบาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากองสลากฯ

นายสุรช ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เปิดเผยว่า กรณีคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมพิจารณาเปลี่ยนมาใช้ระบบออนไลน์ในการจำหน่ายสลาก หากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อนานเกิน 2 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ค้าสลากฯ แบบใบกับผู้ซื้อสลากฯนั้น ทางบริษัทล็อกซเล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด หรือ แอลจีที ในฐานะคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ ยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อโครงการจำหน่ายสลากออนไลน์ได้ทันที อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทางสำนักงานสลากฯ

*เตรียมพร้อมทำตามนโยบาย

ทั้งนี้ บริษัท แอลจีที พร้อมทำตามนโยบายของสำนักงานสลากฯ เพราะสัญญาจ้างบริการระบบเกมสลากที่บริษัทแอลจีทีเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯ ยังคงมีผลผูกพันอยู่ นอกจากนี้บริษัทยังมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีล็อตเตอรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบเกมสลากออนไลน์ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเกมสลากให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ดังนั้น บริษัท แอลจีที ยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานสลากฯ อย่างเต็มที่ แม้ว่าจะยังมีคดีความฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุดก็ตาม

ด้านนายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า คณะกรรมการได้มอบให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปทบทวนให้มีรูปแบบการออกสลากที่เป็นการลดความเสี่ยงหลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อให้กิจการของสำนักงานสลากฯ สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยควรเปลี่ยนมาจำหน่ายด้วยช่องทางแบบออนไลน์ ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบผู้ขายทั้งหมด โดยให้สำนักงานสลากฯ ไปศึกษา เพราะหากไวรัสโควิด-19 ยาวนานเกินกว่า 1-2 เดือนอย่างที่คาดการณ์ ก็อาจจะทำให้สำนักงานสลากฯ ไม่สามารถดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ได้

*จัดโครงสร้างธุรกิจเพื่อโต

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 บริษัทปรับโครงสร้างการบริหารและจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ โดยเน้นงานที่ถนัด และโฟกัสกำไรมากขึ้น ทำให้ภาพรวมธุรกิจในปี 2563 จะมีการเติบโตที่ดี โดยวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 7% หรือแตะ 15,000 ล้านบาท และจะพลิกกลับมาทำกำไรได้ หลังจากได้เคลียร์ปัญหาไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งในด้านการปรับประมาณการณ์หนี้สิน และการปรับลดบุคลากร ซึ่งทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนได้สูงถึง 100 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังคงมีความสนใจเข้าร่วมประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มงาน High Potential ที่มีมาร์จิ้นสูง และงานโครงการ Potential อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมกันมากกว่า 20,000 ล้านบาท เบื้องต้นบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับงานมากกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเติบโตที่เกิดขึ้นในปี 2563จะเป็นการเติบโตจากทุกภาคส่วนของธุรกิจ โดยมีทั้งหมด 5ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT), ธุรกิจบริการอาการและการจำหน่าย (Tranding), ธุรกิจพลังงาน (Energy), ธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์ (Network solution) และธุรกิจการออกอากาศ (Broad casting)