> SET > GL

03 มีนาคม 2020 เวลา 08:00 น.

GLเปิดเกมรุกหลังชนะคดี ต้นทุนลด-สินเชื่อผงาด20%

ทันหุ้น - GL เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่ทั้งไทย- กัมพูชา -เมียนมาร์ คาดเติบโต 20% เน้นควบคุม NPL ยกระดับคุณภาพลูกหนี้ จากสิ้นปี 2562 ที่ 5% ชูความเเข็งเเกร่ง จากจำนวนกระแสเงินสดในมือกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายลดลงหลังชนะคดีต่อเนื่อง


นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2563 บริษัทยังเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อใหม่ ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศทั้งในกัมพูชาและเมียนมา โดยตั้งเป้าการเพิ่มของยอดสินเชื่อใหม่ปีนี้ที่ประมาณ 20% นอกจากนี้บริษัทจะคัดกรองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพของลูกหนี้ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระจากปีที่ผ่านมาตัวเลข NPL อยู่ที่ 5%ซึ่งในปีนี้มีแนวโน้มที่ลดลงแต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะอยู่ที่ประมาณเท่าใด


สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปีนี้ต้องยอมรับว่ายังมีปัจจัยที่น่ากังวลและยังต้องติดตามทั้งในเรื่องของการระบาดไวรัสโควิด-19ที่ปัจจุบันเริ่มบานปลายในหลายทวีปทั่วโลก รวมถึงก่อนหน้านี้มีกรณีสงครามการค้าที่ยังต้องติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ได้มีสัญญาณการเติบโตที่ดีนัก


***พลิกกำไร

แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งกว่า 3,000ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ในการขยายธุรกิจ จากเดิมที่บริษัทได้ชะลอการปล่อยกู้ในประเทศซึ่งในปีนี้ หลังจากที่บริษัทชนะคดีในประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถกลับมาขยายตลาดในประเทศไทยได้อีกครั้ง โดยปีนี้จะเดินเกมบุกเข้าหาดีลเลอร์มากขึ้น รวมถึงขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านอื่นๆ โดยประเมินว่าภาพรวมในปี 2563จะเป็นปีที่ดีของบริษัททั้งด้านคดีความ รวมถึงด้านผลการดำเนินงาน นอกจากนี้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถมีกำไรได้ภายในปีนี้


***ขยายสินเชื่อต่างประเทศ

นอกจากนี้ในประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์ บริษัท มองว่ามีกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการสินเชื่อทุกประเภทค่อนข้างสูง ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี


นายทัตซึยะ ระบุว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับปรุงธุรกิจให้มีประสิทธิผลมากขึ้น แต่ เนื่องจากมีค่าบริการทางกฎหมายและการตั้งด้วยค่าเกี่ยวกับบริการทางกฏหมายของ JTrust ทำให้บริษัทประสบกับผลขาดทุน แต่อย่างไรก็ดีปีนี้ค่าบริการดังกล่าวจะเริ่มปรับตัวลดลงเนื่องจากบริษัทชนะคดีในประเทศสิงคโปร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศอยู่ที่ 68%และสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 28%


ส่วนกรณีการฟ้องร้องของบริษัทคาดว่าหลังจากนี้ยังคงต่อสู้คดีกับ JTrust อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปีนี้ก็จะมีการฟ้องร้องในประเทศอื่นๆเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากที่บริษัทชนะคดีในประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมต่อสู้คดี JTrust ในประเทศไทยและหวังว่าจะมีผลในทิศทางเดียวกัน


ทั้งนี้ GL ได้แจ้งผลประกอบการส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่ขาดทุน 32.88 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยเช่าซื้อในงบการเงินรวมเป็น 1,766.06 ล้านบาท ลดลงจำนวน 289.21 ล้านบาทหรือ 14.07%


แต่มีค่าใช้จ่ายในการให้บริการและบริหารในงบการเงินรวมจำนวน 1,256.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.24 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมทางกฎหมายเกี่ยวกับคดีความของบริษัทเพิ่มขึ้นจำนวน 103.90 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง 63.37 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการให้บริการและบริหารอื่นๆลดลง 3.29 ล้านบาท รวมถึงได้ประเมินการด้อยค่าของเงินลงทุนใน PT Bank JTrust Indonesia Tbk. ตามมูลค่าตลาดในวันที่ 8 มกราคม 2563 จำนวน 135.49 ล้านบาท


อย่างไรก็ดีงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นที่ 262.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.94%

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X