กบข.สั่งลุยสะสมหุ้นไทย เสี่ยป๋องตีกราฟรอจุดซื้อ

ทันหุ้น- กบข. มองหุ้นไทยราคาถูกรับข่าว หั่นกำไรจากพิษโควิด-19 แล้ว เตรียมทยอยกลับมาซื้อหุ้นพื้นฐานดีราคาร่วง ถือยาวเกินสิ้นปี ด้านรายใหญ่เสี่ยป๋องตีกราฟมองจุดปลอดภัย 1290 จุด ชี้เป็นการย่อเพื่อขึ้นตามปกติ ด้านนักวิเคราะห์มองหุ้นไทยรีบาวด์ แนวรับ 1385 แนวต้าน 1400 -1430 จุด เปิดโผหุ้นน่าเก็งกำไร

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ระบุว่า ราคาหุ้นหลายตัวได้ตอบรับกับข่าวร้ายสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19ที่จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1-2/2563 แล้ว จึงมองว่าความเสี่ยงที่ดัชนีจะปรับลดลงอย่างรุนแรงมีอยู่จำกัด แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาจุดต่ำสุดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยมีค่าพีอีปี 2563 ราว 14.2เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาในรอบ 5 ปี ที่ 15.5เท่า ซึ่งลดลงค่อนข้างมาก มองว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนสามารถถือครองหุ้นได้เกินสิ้นปีเป็นต้นไป และ กบข. อาจเริ่มพิจารณาทยอยกลับเข้ามาซื้อหุ้นได้ พิจารณาเลือกหุ้นรายตัวพื้นฐานดี และราคาได้ปรับตัวลดลงมาก หรือ ธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติเร็ว เนื่องจากตามสถิติตลาดหุ้นไทยจะฟื้นคืนอย่างมีเสถียรภาพเมื่อสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

@เสี่ยป๋อรอซื้อ 1290 จุด

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวในรายการ “ทันหุ้น ทันเกม” ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงมาเเรงช่วงที่ผ่านมา เกิดจากตลาดหุ้นไทยหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 เดือนที่ 1,524 จุด ในเดือนมกราคม ซึ่งเส้นนี้เป็นแนวรับทางเทคนิคที่สำคัญ เมื่อหลุดก็จะมีโอกาสที่จะทำให้หุ้นร่วงลงแรง ตลาดหุ้นไทยเคยหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 เดือนมาแล้ว 2ครั้ง คือ ในปี 2539ที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งหุ้นร่วงต่ำสุด 78.6 % และในปี 2551 ก็มีการปรับตัวลงมา 60%ซึ่งน่าสังเกตที่เวลาห่างกัน 12 ปีพอดี ดังนั้นทางทฤษฎีในปี 2563ตลาดก็น่าจะร่วงเเรงเช่นเดียว มองเเนวรับต่อไปจะอยู่ที่ 1,290จุด หากสามารถยืนได้ก็จะจบรอบขาลง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นถือว่าเเข็งเเรงมาก แต่ถ้าหลุดก็มีแนวรับประมาณ 1115 จุด

เชื่อว่าหุ้นไทยที่ร่วงลงมาครั้งนี้อาจจะไม่รุนเเรงเหมือนในอดีต เนื่องจากฐานะทางการเงินเเละความมั่นคงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เเข็งเเรงขึ้น เพียงเเต่ว่าไม่มีการเติบโต ส่วนตัวมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะขึ้นไปแตะระดับ 2,800 จุด ได้ แต่จะต้องย่อลงมากก่อนในเชิงเทคนิคขึ้นอยู่กับว่าจะย่อเท่าไหร่

สำหรับกลยุทธ์ส่วนตัวตอนนี้ยังคงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน แม้ว่าจะมีหุ้นการจ่ายปันผลสูง บริษัทพื้นฐานดี แต่ก็มีโอกาสที่จะได้ราคาถูกกว่า ยอมรับว่าระหว่างทางอาจจะมีการฟื้นคืนบ้าง แต่ก็จะต้องพิจารณาให้ดี สำหรับเทคนิคการเลือกหุ้นนั้น จะเลือกซื้อหุ้นที่มีการปรับตัวลงมาเเรงและเป็นบริษัทขนาดใหญ่มีสภาพคล่องมาก มีวอลุ่มซื้อขายสูง หากตลาดเป็นขาขึ้นจะมีอัพไซต์มาก

@หุ้นไทยรีบาวน์

ด้านนายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการฝ่าย Equity Derivative บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27 ก.พ.) รีบาวด์ขึ้นมาปิดที่ 1,395.08 จุด เพิ่มขึ้น 28.67 จุด หรือ 2.10% หลังร่วงแรง โดยเป็นการซื้อกลับกลุ่มธนาคาร ท่องเที่ยว มองว่าการขายของนักลงทุนต่างชาติไม่น่าจะมีผลต่อดัชนีแล้ว เนื่องจากน่าจะขายออกไปมากแล้ว และสถานการณ์ไวรัสของไทยยังไม่ถึงขั้นขึ้นวิกฤต มองแนวรับ 1385 แนวต้าน 1400 -1430 จุด กลยุทธ์ให้ซื้อสะสมหุ้น พีอีต่ำ ปันผลสูง โดยแนะนำซื้อ BTS แนวต้าน 14 บาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อาจเห็นการปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้ลง จาก 96 บาท/หุ้น มาเป็น 90 บาท/หุ้น ทำให้กรอบการเทรดปีนี้จะอยู่ที่ 1,300-1,450 จุด สำหรับกลยุทธ์เข้าเก็งกำไรได้ในกรอบ 1,370-1,450 จุด แบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้นราว 20-30% ของพอร์ต เลือกลงทุนจากกระแสเงินสดที่เข้ามามากกว่าออก, ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และยาวนานได้, ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง, อัตรากำไรไม่ทรุด และโมเดลธุรกิจไม่แพ้ โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อย ได้แก่ ไฟแนนซ์ อย่าง SAWAD, JMT, หุ้นกลุ่มสื่อสาร อย่าง ADVANC, INTUCH, หุ้นกลุ่มรับเหมา เช่น STEC, หุ้นกลุ่มรถไฟฟ้า เช่น BTS, หุ้นกลุ่มไฟฟ้า เช่น GULF, หุ้นกลุ่มอาหาร เช่น OSP,RBF

ด้านนายเอภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ แนะนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้น ADVANC จากเงินปันผลดี และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด, EA มีแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง, KCE เงินบาทอ่อนค่าและราคาทองแดงปรับตัวลง, PTTEP ราคาน้ำมันมี Dowsnide จำกัด, TISCO จากปันผลดี โดยให้แบ่งสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีสภาพคล่องและเงินสด ในสัดส่วน 10%, ตราสารหนี้ 10%, ตราสารทุน 60%, และตราสารทางเลือก 20%