ทันหุ้น – ครม.ไฟเขียว กทพ.ต่ออายุสัมปทาน15 ปี 8 เดือนให้ BEMพร้อมเปิดทางโครงการ Double Deckสั่งกทพ.ศึกษา EIAภายใน 2 ปีหากไม่มีผลกระทบฯ ส่งอนุมัติครม.ทันที ด้านนายกรัฐมนตรีมีกำหนดตรวจเยี่ยมความคืบหน้าBTSเตรียมเปิดสายสีเขียวเหนือถึงสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ คาดมีความคืบหน้าต่อสัมปทานสายสีเขียว30ปี

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติเห็นชอบร่างสัญญาระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ MEB กรณียุติข้อพิพาททั้งหมดรวม 17 คดี เพื่อแลกกับการแก้ไขสัญญาให้ BEM เป็นผู้รับสัมปทานบริหารและจัดเก็บค่าผ่านทางทางด่วน 3 ฉบับ เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน โดยจะไปสิ้นสุดสัญญาพร้อมกันในวันที่ 31ตุลาคม 2578

พร้อมกันนี้ยังสั่งการให้ กทพ.ไปศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA)เรื่องการก่อสร้างและปรับปรุงทางพิเศษชั้นที่ 2 (Double Deck) ภายในระยะเวลา 2 ปี หากพบว่าไม่มีผลกระทบฯ รวมทั้งโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่ประชาชนก็ให้นำกลับมาเสนอออนุมัติก่อสร้างจากคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ การทำสัญญาฉบับใหม่ระหว่าง กทพ.กับ BEMคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อลงนามสัญญาภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 นี้ ให้สัญญามีผลทางกฏหมายต่อเนื่องกันทันที ส่วนเงื่อนไขของส่วนแบ่งรายได้ ยืนยันว่ายังคงในสัดส่วนเดิม คือ กทพ.ได้ 60% และBEM ได้ 40% นอกจากนี้ภายใต้สัญญาใหม่แม้ว่า BEM จะมีสิทธิในการต่อสัญญาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 ปี แต่รัฐฯ ก็มีสิทธิในการพิจารณาไม่ต่อสัญญาได้เช่นกัน

หนุนกำไรปีนี้โตแรง

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คณะรัฐมนตรีมีมติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยขยายสัมปทานทางด่วนออกไปจนถึงปี 2578 โดยไม่ต้องลงทุน double deck วงเงิน 3.1หมื่นล้านบาท นั้นฝ่ายวิเคราะห์ประเมินเป็นมูลค่าเพิ่มคิดราว 0.10 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้การต่อสัมปทานทางด่วนแม้เป็นปัจจัยหนุนต่อประมาณการอย่างมีนัยยะ แต่จะช่วยปลดล็อคความเสี่ยงกระแสเงินสดของ BEM อย่างมีนัยสำคัญ

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า BEMจะมีศักยภาพการกำไรในปี 2563 จากค่าเสื่อมราคาที่หายไป, การเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเต็มวง (สัญญาถึงปี 2593), การบริหารงานเดินรถสายสีม่วง (สัญญาถึงปี 2589) ทั้ง 3 กรณีจะเป็นปัจจัยหนุนกระแสเงินสดที่มั่นของกิจการ ขณะที่ปริมาณการใช้งานทางด่วนก็มีแต่จะเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจลูกทั้ง CKPและ TTWก็เริ่มเข้าสู่จุดเก็บเกี่ยวกำไรทั้งหมด จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 11.80 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมupside risk จากการประมูลรถไฟฟ้าสายอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

BTSเตรียมเปิดอีก 3 สถานี

แหล่งข่าวในกรุงเทพมหานคร ระบุ วันนี้ (19 กุมภาพันธ์ 2563) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต คาดว่าจะมีความคืบหน้าการขยายระยะเวลาสัมปทานให้BTS จากปัจจุบันที่จะสิ้นสุดวันที่ 4 ธันวาคม 2572 ออกไปอีก 30 ปี ไปสิ้นสุดในปี 2602 เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยให้ BTS เก็บค่าโดยสารตามโครงสร้างใหม่ เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียวเริ่มต้น 15 บาทสูงสุด 65 บาทตลอดสายะอนุญาติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารทุก 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค (CPI)

เปิดเร็วดันยอดผู้โดยสารโต 2-3%

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าทั้งระบบในปี 2563 จะเฉลี่ยระหว่าง 8-9 แสนคนต่อเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 2-3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)ปัจจัยหนุนหลักมาจากการทยอยเปิดให้บริการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือช่วงสถานีห้าแยกลาดพร้าวถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้ามาในเส้นทางหลัก เบื้องต้นคาดว่าการทยอยเปิดให้บริการเดินรถส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือเป็นช่วงๆ จะช่วยเพิ่มปริมาณผู้ดายสารเข้าสู่เส้นทางหลักสายสีลมอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุ ผลการดำเนินงานของ BTS มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจ จัดหารถไฟฟ้า - รับจ้างเดินรถ-พัฒนาระบบรถไฟฟ้า (O&M)ตามการเปิดให้บริการเดินรถทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ เบื้องต้นอัตราค่าจ้างอยู่ระหว่าง 130-150 ล้านบาทต่อกิโลเมตรต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.10 บาท