> SET > KSL

13 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 11:10 น.

โบรกชี้ราคาน้ำตาลพุ่งสูงสุดรอบ 3 ปี แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำตาล ชู KSL เด่น

สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มุมมอง "กลุ่มเกษตร(น้ำตาล)" ราคาน้ำตาลพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี แต่แนวโน้มผลประกอบการหุ้นกลุ่มน้ำตาลไม่ได้สดใสตามราคาน้ำตาล โดยหุ้นกลุ่มน้ำตาล จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำตาลตลาดโลกที่ปรับขึ้น ราคาขายน้ำตาลส่งออกเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ระดับ 13 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งหากราคาน้ำตาลขยับขึ้นได้ตามคาดไปอยู่ที่ 16 เซนต์ต่อปอนด์ อาจหนุนราคาขายส่งออกปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 23% Y-Y แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถชดเชยปริมาณขายน้ำตาลในปีนี้ที่จะลดลงถึง 40% Y-Y ได้  


นอกจากนี้ด้วยปริมาณอ้อยที่ลดลง อาจกระทบต่อไปยังธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ อาทิ ธุรกิจไฟฟ้า (ที่ต้องใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง) และธุรกิจเอทานอล (ที่ต้องใช้กากน้ำตาล ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล) ซึ่งมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกับปริมาณผลผลิตอ้อย มีแนวโน้มว่าผลประกอบการอาจยังไม่ได้สดใสตามราคาน้ำตาล


อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีตพบว่า ราคาหุ้นกลุ่มน้ำตาล มักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำตาล ดังนั้นจึงแนะนำ "เก็งกำไร" หุ้นกลุ่มน้ำตาล ตามแนวโน้มราคาน้ำตาลตลาดโลกมีทิศทางขาขึ้น และให้ระมัดระวังในช่วงใกล้ประกาศงบ 


โดย KTIS KBS BRR มีรอบบัญชี ม.ค. – ธ.ค. ส่วน KSL รอบบัญชีต่างจากบริษัทอื่นในกลุ่ม ซึ่งมีรอบบัญชี พ.ย. – ต.ค. และเลือก Top Pick คือ KSL ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจน้ำตาลรายใหญ่สุดในกลุ่มที่จดทะเบียนในตลท., มีธุรกิจที่หลากหลายครบวงจร, ราคาหุ้นมีสภาพคล่องมากสุด, มี Sentiment เชิงบวกจากแผนนาบริษัทร่วม (BBGI) เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ช่วงครึ่งหลังปี 2563 และราคาหุ้นปัจจุบันเทรดต่ำกว่า BVS สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 4.22 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลตลาดโลกพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 15 เซนต์ต่อปอนด์ (+14% YTD, +18% Y-Y) ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่ พ.ค. 2560 โดยมาจากคาดการณ์ปริมาณผลผลิตน้ำตาลโลกปีนี้จะลดลงราว 2.8 ล้านตัน มาอยู่ที่ 181.48 ล้านตัน 


ในขณะที่คาดปริมาณความต้องการบริโภคน้ำตาลจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านตันเป็น 186.5 ล้านตัน ส่งผลให้ภาวะน้ำตาลโลกในปีนี้จะเข้าสู่ภาวะขาดดุลมากขึ้น และเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อยู่ที่ราว -5 ล้านตัน จากปี 2560 ที่ขาดดุลเล็กน้อย -0.14 ล้านตัน บนภายใต้สมมติฐานว่าปริมาณอ้อยของไทยจะลดลงมาอยู่ที่ 100 ล้านตัน (-24% Y-Y)


ปริมาณอ้อยไทยปีนี้อาจลดลงจากปีก่อนถึง 40% เป็นระดับต่ำสุดรอบ 10 ปี

ประเทศที่คาดจะมีผลผลิตน้ำตาลลดลงมากสุด คือ ไทย และอินเดีย โดยอินเดียถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ส่วนใหญ่บริโภคในประเทศเกือบทั้งหมด ในขณะที่คาดปริมาณผลผลิตน้ำตาลของอินเดียปีนี้จะลดลงราว 5 ล้านตัน มาอยู่ที่ 30.44 ล้านตัน 


ส่วนไทย แม้จะมีปริมาณผลผลิตน้ำตาลต่อปีราว 14-15 ล้านตัน ต่ำกว่าอินเดียอยู่มาก แต่มีการส่งออกมากกว่า จึงกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล และมีแนวโน้มว่าปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยปีนี้อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาด เหลือเพียง 80 ล้านตัน (ตลาดคาด 100 ล้านตัน) ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี และจะลดลงจากปีก่อนที่มีปริมาณอ้อย 131 ล้านตัน คิดเป็นการลดลงถึง -40% Y-Y เพราะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งจะกระทบต่อไปยังปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศต่ำกว่า 10 ล้านตัน อาจลดมาอยู่ที่ราว 8 ล้านตัน เทียบกับปี 2562 ที่มีปริมาณน้าตาล 14.6 ล้านตัน


คาดราคาน้ำตาลยังปรับขึ้นต่อ แต่ Upside ไม่ได้เปิดกว้างมาก

แนวโน้มราคาน้ำตาลตลาดโลกจะปรับขึ้นต่อไปอยู่ที่ราว 16 - 16.5 เซนต์ต่อปอนด์ จากทั้งภาวะขาดดุลน้ำตาลโลกที่สูงกว่าคาด แต่ยังไม่คิดว่า Upside ราคาน้ำตาลจะเปิดกว้างไปแตะระดับ 18-20 เซนต์ต่อปอนด์ เพราะยังมีหลายปัจจัยที่กดดันราคาน้ำตาล เช่น 1) แม้ปริมาณน้ำตาลจากอินเดียจะลดลง แต่ปริมาณสต็อกยังสูง และรัฐบาลยังอุดหนุนการส่งออก จึงคาดอินเดียจะมีการส่งออกน้ำตาลมากขึ้นเป็น 6 ล้านตันในปีนี้ จาก 4.5 ล้านตันในปีก่อน 


2) ยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก อาจกระทบต่อกำลังซื้อ และความต้องการบริโภค ไม่ได้เพิ่มมากตามที่ตลาดคาด และ 3) ผู้ส่งออกน้ำตาลมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่าง บราซิล คาดว่าจะมีปริมาณน้ำตาลทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน กอปรกับค่าเงินเรียลยังอ่อนค่า ล่าสุดอยู่ที่ 4.33 BRL/USD อ่อนค่า 7.6% YTD และ 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นบวกต่อผู้ส่งออกน้ำตาลของบราซิล และเป็นลบต่อราคาน้ำตาลตลาดโลก


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X