12 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 09:06 น.
สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index ปรับตัวลง -11.31 จุด (-0.74%) ปิดที่ 1,523 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุนอีกทั้งมีแรงขายกลุ่มพลังงานและปิโตรหลังราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงจากความกังวลด้าน Demand
นอกจากนี้ยังมีแรงขายกลุ่ม ICT หลังงบ ADVANC และ INTUCH ออกมาน้อยกว่าคาดส่งผลให้ดัชนีทรุดตัวลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นฝั่งซื้อสุทธิ 548 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 293 ล้านบาทและ Net Short TFEX 628 สัญญา
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
มุมมองเป็นกลางคาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,515 - 1,535 จุด เนื่องจากภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่สนับสนุนการลงทุน โดยแม้ว่าจะได้ข่าวบวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) เริ่มชะลอตัวลงและเชื่อมั่นว่าการแพร่ระบาดจะเบาบางลงในช่วงถัดไป ประกอบกับสถานการณ์ Tradewar ที่ผ่อนคลายลงหลังจีนเตรียมลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีผล 14 ก.พ.
อย่างไรก็ตามคาดว่านักลงทุนจะยังคงชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประกาศงบ 2019 ของบริษัทฯ ประกอบกับความกังวล Fund flow ต่างชาติที่ยังคงชะลอตัวซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ทิศทางดัชนีมีความผันผวนในระยะนี้
** 13 ก.พ. ติดตามสภาฯโหวตพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 วาระ 2 , 3 ใหม่
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
- กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD , KTC ) ได้อานิสงส์ต้นทุนการเงินลดลงหลังกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
- กลุ่มส่งออก Elec (KCE, HANA, DELTA) Food (CPF, TU) อานิสงส์ทิศทางเงินบาทอ่อนค่า
- กลุ่มพลังงาน (TOP, PTTGC, SPRC) อานิสงส์ค่าการกลั่นพลิกเป็นบวก
หุ้นแนะนำวันนี้
CK (ปิด 21.3 ซื้อ เป้า IAA Consensus 25.5 บาท) ได้ Sentiment บวกสภาฯเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.งบปี63 เข้าประชุมสภาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ตามคำสั่งวินิจฉัยของศาล ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา เลือก CK เป็น Top pick ผลประกอบการผันผวนน้อยสุดของกลุ่ม เพราะมีเงินลงทุนในบริษัทลูกซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟฟ้า ทางด่วน (BEM), น้ำประปา (TTW) และโรงไฟฟ้า (CKP) จึงมีความมั่นคงของผลประกอบการมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่เน้นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว
TU (ปิด 15.3 ซื้อ/เป้า 17.5) ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโรส่งผลบวกโดยตรงต่อธุรกิจของ TU เพราะมีรายได้หลักมาจากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวม โดยทุกๆ 1 บาทที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโรจะทำให้กำไรของ TU เพิ่มขึ้นประมาณ 600 -700 ล้านบาท
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม