สำนักข่าว"ทันหุ้น" รายงานว่า INTUCH  มีกำไรสุทธิปี 62 ที่ 11,083 ล้านบาท ลดลง 4% จากปี 61 เนื่องจากในปีก่อนมีกำไรจากการขายซีเอสแอลของ THCOM  ขณะเดียวกันบอร์ดได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังที่ 1.30 บาทต่อหุ้น กำหยดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) ในวันที่ 25 ก.พ.63

บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) หรือ INTUCH แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 11,083 ล้านบาทลดลง 4% จากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 11,491 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2561 มีการบันทึกกำไรจากการขาย ซีเอสแอลของบริษัท ไทยคม จำกัด(มหาชน) หรือ THCOM ถึงแม้ว่า INTUCH จะรับรู้ผลขาดทุนจากการบันทึกรายการด้อยค่าของดาวเทียมไทยคม แต่รายการดังกล่าวมีจำนวนน้อยกว่าผลขาดทุนที่บันกทึกในปี 2561 ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว INTUCH  จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 11,775 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2561 เนื่องจากการรับรู้ผลกำไรที่ดีขึ้น 3% จากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ ADVANC มาอยู่ที่ 12,401 ล้านบาท ขณะที่รับรู้ผลขาดทุนจาก THCOM  233 ล้านบาท จากการรับรู้กำไร 59 ล้านบาท ในปี 2561 

ในปี 2562 INTUCH มีการลงทุนใน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เพียร์ พาวเวอร์ จำกัด, บริษัท ด็อกเตอร์เอทูแซด จำกัด และบริษัท นินจา โลจิสติกส์ พีทีเอ ลิมิเต็ด จำกัด โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 111 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ขายหุ้นที่ลงทุนในบริษัท ดิจิโอ(ประเทศไทย) จำกัด และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 30% ทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนภายใต้โครงการอินเว้นท์ ณ สิ้นปี 2562 อยู่ที่ 950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 728 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 มีบริษัทที่อยู่ภายใต้โครงการอินเว้นท์ทั้งสิ้น 15 บริษัท

**ปันผลอีก 1.30 บาท/หุ้น

INTUCH ได้แจ้งอีกว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2562 เป็นเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 2.65 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 8,497 ล้านบาท โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.35 บาท คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 4,329 ล้านบาท ดังนั้น คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายจากงวด 6 เดือนหลังของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 4,168 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล ในวันที่ 25 ก.พ.63  และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 26 ก.พ.63 กำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เม.ย.2563 

ราคาหุ้น INTUCH ปิดตลาดวันนี้ 54 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 2.70% มีมูลค่การซื้อขาย 1,419.85 ล้านบาท