ทันหุ้น –ส่องผลงานกลุ่มแบงก์ไตรมาส 1/2563 ยังเติบโตท่ามกลางมรสุมลดดอกเบี้ย-มาตรฐานบัญชีใหม่ ชอบ BBL ยังเติบโต จากการเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ คาดกำไรทั้งปีโต 5% ชน 3.7 หมื่นล้านบาท ส่วนการลงทุน ธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค ประเทศอินโดนีเซีย เชื่อผู้ถือหุ้นโหวตผ่าน หนุนโตยาว

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สำหรับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ภาพรวมผลประกอบการยังมีทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยปัจจัยลบมีหลายเรื่อง ทั้งในส่วนของเกิด Disruption ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า การจัดตั้งสาขา รวมไปถึงมาตรการบัญชีใหม่ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนการบันทึกบัญชี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจจะส่งผลให้งบการเงิน ทั้งสินทรัพย์ รวมไปถึงงบแสดงสถานะทางการเงิน เป็นต้น

อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระเงินของลูกค้า จึงเกิดการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้เห็นผลต่องบการเงินของกลุ่มธนาคารมากนักในปี 2562 ที่ผ่านมาเพราะกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการขายเงินลงทุนทำให้รับรู้กำไรส่วนนี้เข้ามาชดเชย

แต่ในปีนี้จะเริ่มเห็นผลกระทบดังกล่าวในงบการเงิน ทั้งในส่วนของระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่อาจจะลดลง เพราะรายได้ของธนาคารพาณิชย์จากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง หลังมีการปรับคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงล่าสุดคือ 1%

*ชู BBL เด่นสุดกลุ่มแบงก์

การลดดอกเบี้ยยังมีเรื่องที่ดี คือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้คาดว่าอนาคตเศรษฐกิจจะดีขึ้น เพราะมีการออกมาตรการควบคู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยจะช่วยหนุนให้ระดับ NPL มีโอกาสจะลดลง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ติดตาม รอประเมินทิศทางของผลกระทบการไตรมาส 1/2563 ก่อนเพราะจะเห็นภาพรวมของงบการเงินหลังจากการปรับมาตรฐานบัญชีใหม่ จึงจะสามารถเห็นภาพรวมได้ดีขึ้น ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากอาจจะยังไม่เห็นการปรับขึ้นได้มากนัก เพราะยังมีปัจจัยกดดัน แต่หากพิจารณาหุ้นที่ยังมีความน่าสนใจคือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL

โดยที่ผ่านมา NIM ของ BBL ลดลงน้อยกว่าธนาคารอื่นๆ สินเชื่อของรายใหญ่ยังเติบโตได้ดี รวมไปถึงเป็นธนาคารที่มีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก แต่อาจจะต้องติดตามเรื่องการเข้าลงทุนในธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2563 ซึ่งหากมีการลงทุนอาจจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนหนึ่ง

*กำไรสุทธิปีนี้โต 5%

พร้อมกันนี้คงกำไรสุทธิปี 2563 เพิ่มขึ้นได้ 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง ยังคงกำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากการตั้งสำรองฯที่น้อยลง โดยคาดว่าจะกลับมาตั้งที่ระดับปกติราว 2 หมื่นล้านบาท แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่คาดเพราะปีก่อนมีการตั้งสำรองฯ เผื่ออนาคตไปจำนวนมาก

ส่วนเรื่องการซื้อธนาคารในอินโดนีเซียคาดว่า ผ่านไปได้ด้วยดี และส่งผลดีต่อผลประกอบการของ BBL ได้ในระยะยาว ประเมินราคาเป้าหมายที่ 185  บาท โดยมี Upside เพิ่มหาก ROE ของ BNLI IJ ทำได้ถึง 10% ซึ่งราคาเป้าหมายของ BBL จะถูก Re-Rate จากการปรับ PBV ให้สูงขึ้นได้ แต่มีความเสี่ยงจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีโอกาสปรับลดลงได้อีกในอนาคต

*TCAP รับทรัพย์ 7.2 พันล.

นายสมเจตน์ หมู่ศริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จํากัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า ด้วยบริษัท ได้พบรายงานบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งกล่าวถึง การที่บริษัท เข้าตกลงทำสัญญาซื้อขายหุ้น บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จํากัด (“AJT”) นั้น บริษัทแจ้งว่าการขายหุ้น AJT มีขนาดรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ไม่ถึงขนาดที่ต้องเปิดเผยรายการต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเท่าเทียมกัน

ล่าสุดบริษัทได้ลงนามข้อตกลงการซื้อขายหุ้น AJT เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 โดยเป็นการขายหุ้น AJT ที่บริษัท ถือผ่านบริษัท ธนชาต เอสพีวี 2จํากัด (“SPV2”) ในจำนวนที่ถืออยู่ทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วน6% ของจำนวนหุ้น AJT ให้กับAJINOMOTO Co., INC (“AJICO”) ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้นเป็นเงินประมาณ 7,167 ล้านบาท และคาดว่าจะทำการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2563