รายใหญ่ผวาตุนเงินสด VIแนะทางแก้เกมลงทุน

ทันหุ้น-เสี่ยป๋องรับกังวลตลาดทุน หลังจิตวิทยาเสีย แนะถือเงินสดด้าน “โจ ลูกอีสาน”วีไอมองมีโอกาสซึมลง ห่วงเศรษฐกิจถดถอย แต่ไม่แนะนำขายหุ้นช่วงนี้ เปิดเคล็ดปรับกลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ หรือ เสี่ยป๋อง กล่าวในงานสัมมนารวมพลคนทันหุ้นว่า เป็นห่วงตลาดหุ้นไทย จากกราฟรายเดือน ตลาดหุ้นไทยที่หลุด 1524 จุดลงมา หรือหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 เดือน เมื่อสินเดือนมกราคม ทำให้ภาพความมั่นใจเชิงจิตวิทยาไม่ดี ซึ่งจะมีการระมัดระวัง ดังนั้นต้องเข้าไปจับตาว่าใน 2 เดือนจากนี้ หากไม่สามารถกลับไปยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันได้ ไม่เช่นนั้นจะคล้ายกับปี 1996-2008 ที่ตลาดปรับตัวลงมาแรง ช่วงนี้จึงเน้นการถือครองเงินสดและรอ

“ในปี 2006 และ 2016 ที่หลุดลง และ กลับคืนไปได้ แต่ที่รับไม่อยู่คือ 1996-2008 ประกอบกับ MACD ก็ไดเวอร์เจ้นท์ด้วย ซึ่งไดเวอร์เจ้นท์มานานแล้ว ถ้าดูกราฟรายไตรมาสก็จะชัด กราฟเสียมาหลายเดือน”

@แนะถือเงินสด

ทั้งในโดยกลยุทธ์การลงทุนนั้นในช่วงที่ทุกคนสับสน ควรถือเงินสด ส่วนการเข้าไปต้องมีจุดคัสลอท ซึ่งต้นปีก็ได้มีการเข้าไปลงทุน TOP แต่ก็ต้องคัสลอทออกมาด้วยเช่นกัน ไม่ควรถือหุ้นยาว

ส่วนการคัดเลือกหุ้นควรมองภาพกว้างเน้นหุ้นขนาดใหญ่ และมองโลกอนาคต ซึ่งกลุ่มที่จะได้รับผลดีก็คือกลุ่มไฟฟ้า ไบโอเมดิคัล และ AI ซึ่งในไทยยังมีอยู่น้อยยกเว้นไฟฟ้า แต่ก็ปรับตัวขึ้นมาสูง ดังนั้นจึงมีการออกไปศึกษาลงทุนต่างประเทศบ้าง กลยุทธ์รอตามที่ตั้งข้อสังเกตภายใน 2 เดือน ถ้า SET กลับมา ยืนเหลือ 1524 ได้ ก็จะพิจารณากลับมาลงทุน

@ห่วงศก.ถดถอย

นายอนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน นักลงทุนวีไอ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ผันผวนประเมินยาก หลังมีได้รับผลกระทบหลายส่วนทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกตั้งแต่ต้นปี อาทิ สงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ปัญหาภัยแล้ง ค่าเงินบาท ภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ล่าสุดก็มีเรื่องไวรัสโคโรน่าเข้ามา ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ไทยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย(recession) ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง โดยตั้งแต่ต้นปีมีการปรับตัวลดลงมาแล้ว 4% และยังมองว่าตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสซึมลงอีกดังนั้นนักลงทุนจึงต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน

@ปรับกลยุทธ์

สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนขณะนี้ ได้ปรับกลยุทธ์ไปสู่การเล่นรอบซื้อ-ขายบ้าง รวมไปถึงการเข้าลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่มากขึ้น จากเดิมก่อนหน้านี้ที่เกือบ 100% บริษัทเข้าลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก แต่เวลาที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจหรือปัจจัยลบใด หุ้นขนาดเล็กก็จะตอบสนองไวและได้รับผลกระทบก่อนทำให้ต้องมีการปรับการลงทุนบ้าง

“การลงทุนในขณะนี้ตอบยากเพราะว่าภาพรวมตลาดเองก็ประเมินยากเหมือนกันไม่สามารถตอบได้ชัดเจน ถ้าหากดังนั้นหากยังไม่สามารถประเมินได้ก็อยากจะให้อยู่เฉยๆ ก่อน”

@แก้เกมคนติดหุ้น

สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่จำนวนมาก ไม่แนะนำที่จะมาถือเงินสดขณะนี้ เนื่องจากอาจจะช้าไป เพราะควรจะถือเงินสดมาก่อนหน้านี้

“อย่างที่บอกเสมอสูตรVI ขายแพง ซื้อถูก แต่ถ้ามาขายขณะนี้แล้วถือเงินสดอาจจะไม่ใช่แนวทางที่ดี เพราะตลาดขณะนี้ก็ค่อนข้างถูก จึงควรมาเลือกหุ้นรายตัวมากขึ้น มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเอง มีกำไรที่ดี”นายอนุรักษ์ กล่าว

@หุ้นกลุ่มน่าจับตา

ส่วนการเลือกลงทุนหุ้นขณะนี้อาจจะเน้นการเลือกหุ้นเป็นรายตัว(Selective buy)ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อย่างเช่นขณะนี้มีภัยแล้ง อาจจะเลือกลงทุนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากภัยแล้ง รวมไปถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เช่นกลุ่มสินเชื่อที่เป็นที่ต้องการของประชาชนในขณะนี้

รวมไปถึงหุ้นที่มีรายได้สม่ำเสมอ เช่นกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่ขณะนี้ราคาหุ้นอาจจะอยู่ในระดับสูงอาจจะรอจังหวะที่เหมาะสม อีกทั้งยังมีหุ้นในกลุ่มรับบริหารจัดการหนี้สิน

ส่วนกลุ่มหุ้นปันผลหากจะลงทุนช่วงนี้ ควรเน้นที่จ่ายปันผลครั้งเดียว เพราะจะได้ปันผลที่สูงในขณะนี้ แต่ทั้งนี้ทุกกลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น จะต้องดูการเติบโตของกำไรประกอบ หากกำไรสามารถเติบโตได้ตามแผน หรือมีการเติบโตสม่ำเสมอ ราคาหุ้นก็จะตอบรับเชิงบวกเอง

@เลี่ยงดิสรัปชั่น

ขณะที่หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างมากคือหุ้นที่ถูกDisruptionหรือได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน อย่างเช่นกลุ่มห้างค้าปลีก มีโอกาสสูงมากที่จะโดนDisruptionเพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าการซื้อขายออนไลน์เติบโตรวดเร็ว เพราะสะดวกสะบายกว่า หรือบางกลุ่มที่ไม่สามารถปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันต่อการโดนDisruption เช่นกลุ่มทีวี ที่ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก

ด้านกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ทุกคนกังวลว่าจะโดน Disruptionส่วนตัวมองว่าเป็นไปได้ยาก เพราะธนาคารส่วนใหญ่มีรายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นหลัก แต่ในส่วนของค่าธรรมเนียมก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่เชื่อว่าธนาคารยังสามารถดำเนินธุรกิจได้