> เป้าลงทุน หุ้นคาร์บอนต่ำ > AOT

30 มกราคม 2020 เวลา 01:00 น.

โคโรนาลุกลามไว และคาดไปไวเช่นกัน

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าตลาดหุ้นโหดจริงๆตั้งแต่ต้นปี หลังโดนปัจจัยลบเข้ามากระทบอย่างไม่หยุดหย่อน ไล่มาตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. จากปัญหาความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐ และอิหร่าน ไม่ทันไร ปัจจัยลบที่เหมือนจะหนักกว่ากลับมากดดัน SET และตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นปัจจัยหลักกดดันภาวะตลาดอยู่ นั่นก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยมีต้นตอมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน และแพร่ระบาดไปสู่ประเทศอื่นๆทั่วโลก จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ประธานาธิบดี สี จิ้น พิง ของจีน ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้มาตรการอย่างเคร่งครัด โดยห้ามทัวร์จีนออกนอกประเทศ (แต่เดินทางไม่ผ่านบริษัททัวร์ ยังทำได้อยู่) หลังจากนั้นความตื่นตระหนกเข้ามาในตลาดหุ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงแรงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนม.ค. โดย SET ของเรา ปรับลงไปกว่า 40 จุด และหลุดจุดต่ำเดิมบริเวณ 1543 จุด ที่ทำไว้ในวันที่ 17 ธ.ค. ลงไปเคลื่อนไหวแถวบริเวณ 1520-1530 จุด


นี่คือสถานการณ์ล่าสุดในปัจจุบันที่ผมกำลังเขียนคอลัมน์ฉบับนี้ในวันที่ 28 ม.ค. โดยผมจะมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ดังกล่าว โดยใช้เหตุการณ์ในช่วงเดือนมี.ค.ปี 2546 ที่มีการแพร่ระบาดของโรค SARs เทียบกับไวรัสโคโรนาที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ ซึ่งพบว่ามีความแตกต่างกัน กล่าวโดยสรุป คือ


- โคโรนามีการแพร่กระจายของเชื้อที่ไวกว่า หากนับผู้ติดเชื้อนี้ครบ 1 พันคนแรก โคโรนาใช้เวลาเพียง 1 เดือน ขณะที่ SARs ใช้เวลาถึง 4 เดือน


- ความรุนแรงของโรค เมื่อใช้ตัวเลขอัตราการเสียชีวิต พบว่า SARs มีความรุนแรงกว่า โดยอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ในขณะที่โคโรนาอัตราเสียชีวิตอยู่ในระดับเพียง 3%


ดังนั้น ผมอาจกล่าวได้ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่กระจายได้เร็ว และไม่รุนแรง  ทั้งนี้ โคโรนาที่แพร่กระจายได้เร็ว ทำให้โลกเรารู้ตัวเร็ว โดยดูจากจีนที่ออกมาตรการมาป้องกันทันที  ซึ่งจากจุดนี้เอง ผมมองว่าสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น และมุมมองผมคาดว่าเชื้อไวรัสโคโรนาจะมาไวไปไว เนื่องด้วยเป็นเชื้อที่ไม่รุนแรง (อัตราเสียชีวิตต่ำกว่า SARs และส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุ ในขณะที่ผู้ติดเชื้อที่ยังมีอายุไม่มากมีโอกาสหายได้) และประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีนที่เป็นต้นตอของการแพร่กระจายของโรคออกมาตรการป้องกันอย่างทันที


มาดูผลกระทบต่อตลาดหุ้นกันครับ โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรค SARs ตลาดหุ้นไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึง SET เช่นกัน เนื่องด้วยผมมองว่าในช่วงเศรษฐกิจในขณะนั้นอยู่ในแนวโน้มที่ดี  ขณะที่ในปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป เนื่องจากเราอยู่ในช่วงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต้นกำเนิดจากจีน จะส่งผลให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ของโลกอย่างประเทศจีนได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จะเห็นได้ว่า ราคาน้ำมันได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่


ด้าน SET ของเรา ปรับตัวลงแรงกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ รวมถึงกลุ่มพลังงานที่มีน้ำหนักต่อ SET ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง กดดันให้ SET ปรับลงทำจุดต่ำใหม่ และผมมองว่าการทำจุดต่ำใหม่นี้จะมีแนวรับเป้าหมายถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1500 และ 1474 จุด ตามลำดับ


ทางด้านกลยุทธ์การลงทุน ผมมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม หาก SET ลงมาแถวบริเวณ 1500 จุด หรือต่ำกว่า จะเริ่มมี downside ที่จำกัด เนื่องด้วยความน่าสนใจด้านมูลค่าทางพื้นฐาน โดยหากอิงกำไรต่อหุ้นของตลาดในปีนี้ ซึ่ง consensus ประมาณการไว้ที่ระดับ 100 บาทต่อหุ้น ทำให้ SET บริเวณ 1500 จุด จะเทรด PE ที่ระดับ 15x ซึ่งผมมองว่าระดับนี้ มีความน่าสนใจด้าน upside โดยหากมองว่า SET จะกลับไปเทรดที่ระดับ 16x เท่ากับว่า SET จะมี upside แล้ว 100 จุด จะเป็นจุดดึงดูดให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาอีกครั้ง


มาถึงส่วนสุดท้ายที่ผมจะกล่าวถึงผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งในกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกัน โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก จะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูง ได้แก่


- AAV จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยการลงทุนของ SCBS ในทุกๆ 1 เดือนของการสั่งระงับทัวร์จีนจะส่งผลกระทบ 1% ต่ออัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย (นักท่องเที่ยวจีนลดลง 3.6 แสนคน) และกระทบต่อประมาณการกำไรของ AAV กว่า -30%

- ERW กำไรจะกระทบมากรองลงมา คือ ระดับ -16% เนื่องจากทำธุรกิจโรงแรมโดยตรง


- สำหรับ CENTEL และ MINT มีการกระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจอาหาร


- ส่วนบริษัทที่กำไรกระทบน้อยสุด ได้แก่ AOT โดยกำไรกระทบแค่ -1.2%  ดังนั้น ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นโอกาสในการซื้อแล้วครับ โดยผมขอแนะนำให้แบ่งซื้อ 2 ไม้ ที่ระดับราคา 68 และ 64 บาท...และพบกันใหม่ในฉบับหน้า...ด้วยรักและหวังดี..ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และความรู้ด้านการลงทุนผ่าน Face Book เอกภาวิน สุนทราภิชาติ และ Line ที่ @wavesmart

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X