> SET > STARK

30 มกราคม 2020 เวลา 08:10 น.

STARKเฉลยเพิ่มฟรีโฟลท เป้าชัดมุ่งสู่SET50-MSCI

ทันหุ้น- STARK เปิดแผนเพิ่มฟรีโฟลทตามเกณฑ์ตลท. จ่อขายหุ้นเพิ่มทุนPO จำนวน 1,800ล้านหุ้น แต่หุ้นใหม่แค่ 480 ล้านหุ้น ที่เหลือ 1,320มาจากผู้ถือหุ้นใหญ่ช่วยลดไดรูทเหลือเพียง2%หัวเรือ STARK ประกาศเป้ามุ่งเดินหน้าสู่ MSCI –SET50 ชี้กองทุนจองกันล้น ส่วนดีลเทคยักษ์สายไฟเวียดนามจบมี.ค.ดันโตเท่าตัว ขณะที่บิ๊กไอทีสหรัฐจ่อส่งออเดอร์


นายชนินทร์ เย็นสุดใจ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนในการเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือฟรีโฟลท จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 9.7% ของทุนชำระแล้ว ด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป(Public Offering) ประมาณ 1,800 ล้านหุ้น ภายในครึ่งปีแรกของปี 2563ซึ่งประกอบด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 480ล้านหุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ "นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" จำนวน 1,320 ล้านหุ้น


ทั้งนี้ นายวนรัชต์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 21,500ล้านหุ้น หรือ 90.3% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งหุ้นจำนวน 5,375ล้านหุ้นจะพ้นระยะเวลาห้ามขาย(Silent Period) ในวันที่ 25 มกราคม 2563ภายหลังการเพิ่มทุนและขายหุ้นครั้งนี้นายวนรัชต์ จะถือหุ้นอยู่ราว 20,180ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 86.53% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ชำระแล้ว


@เพิ่มฟรีโฟลทดึงกองทุน

นายชนินทร์ ระบุอีกว่า สาเหตุของการเพิ่มทุนและขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งบริษัทได้มีการแจ้งแนวทางการเพิ่มฟรีโฟลทไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีการเพิ่มทุน ส่วนการขายหุ้นส่วนหนึ่งของผู้ถือหุ้นใหญ่ออกมาจะส่งผลให้มูลค่าหุ้นไม่ลดลง (ไดรูทชั่น) มากนัก


ทั้งนี้การเพิ่มฟรีโฟลทนั้นเป็นไปตามเจตนารมณ์ของบริษัทที่มีเป้าหมายการเข้าคำนวณดัชนี MSCI และการติด SET50 ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ขณะเดียวกันการมีฟรีโฟลทที่เพียงพอบริษัทก็จะสามารถเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนได้ ซึ่งจากการโรดโชว์ที่ฮ่องกงพบกับหัวหน้ากองทุนหลายแห่ง มีแสดงเจตนาที่จะซื้อหุ้นจำนวนมาก เนื่องจากเห็นโอกาสในอนาคต บริษัทจึงได้มีการหารือให้ นายวนรัตน์ กระจายหุ้นดังกล่าว มุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนสถาบันเป็นหลัก


"คุณวรรัตน์จะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ระยะยาว การขายหุ้นนั้นจะไปสู่นักลงทุนสถาบันมากกว่า เพราะเท่าที่เห็นได้แสดงความจำนงเข้ามาเป็นจำนวนมากเกินกว่าหุ้น PO ที่เราจะขายด้วยซ้ำ"


@ไดรูทน้อย-เติบโตสูง

นายชนินทร์ ยืนยันว่า การขายหุ้นเพิ่มทุน PO ครั้งนี้มีผลต่อการไดรูทเพียง 2% ท่ามกลางปีนี้บริษัทจะมีการเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าลงทุนในบริษัท Thinh Phat Cables Joint Stock Company หรือ Thipha Cables และ Dovina Viet Non-Ferrous Metal and Plastic Joint Stock Company หรือ Dovina ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสายไฟฟ้า สายเคเบิลในเวียดนาม มูลค่าไม่เกิน 7,288 ล้านบาท


โดย Thipha Cable มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 120,000ตัน ขณะที่ Dovina มีกำลังการผลิต 148,000ตัน ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้มีการขยายกำลังการผลิตเผื่อไว้แล้ว โดยมีอัตราการผลิตจริงราว 42% และ 48%ตามลำดับ มีการจำหน่ายให้ ภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ เอกชน ส่งออก และค้าปลีกการเทคโอเวอร์ 2 บริษัทดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจสายไฟรวมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวราว 12,000ล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนี้ผ่านบริษัทย่อย บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ราว 14,000ล้านบาท ส่งผลให้ STARK ขึ้นสู่เบอร์ 1ในภูมิภาคอาเซียน+ออสเตรเลีย+นิวซีแลนด์


และจากการควบรวมกันยังจะทำให้ต้นทุนของบริษัทลดลง และมีการซินเนอร์ยี่ ซึ่งจะทำให้กำไรสูงขึ้น โดย 9เดือนแรกปี 2562 ทั้ง 2 บริษัทในเวียดนามมีรายได้ 9,314ล้านบาท กำไรขั้นต้น 869 ล้านบาท กำไรสุทธิ 452ล้านบาทปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอกับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์สูงสุดและเหมาะสม คาดว่าจะทำรายการทั้งหมดได้ในเดือนมีนาคม


นายชนินทร์ ระบุด้วยว่า คณะกรรมการบริษัท ยังได้อนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายตราสารหนี้ที่เป็นหลักทรัพย์ ในวงเงินรวมไม่เกิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นตราสารหนี้มีหรือไม่มีประกัน ด้อยสิทธิหรือไม่ด้อยสิทธิ แปลงสภาพหรือไม่แปลงสภาพ ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินราว 1-1.5%


@สหรัฐจ่อส่งออเดอร์

นายชนินทร์ บอกด้วยว่า บริษัทมีแนวโน้มในการส่งออกสินค้าสายไฟเพื่อเทคโนโลยีมากขึ้นไปยังสหรัฐมากขึ้น หลังจากต้นปีได้เดินทางไปพบปะกับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐหลายแห่ง หลังจากที่จีนยังคงถูกตั้งกำแพงภาษี ขณะเดียวกันก็ยังเตรียมพร้อมที่จะผลิตคอนโพแนนซ์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันมาร์จิ้นได้มากขึ้นด้วย ขณะเดียวกันการขายเป็นดอลลาร์ยังเป็นลดการผันผวนจากการนำเข้าทองแดงได้อีกด้วย

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X