ทันหุ้น—รัฐมนตรีพลังงาน เร่งผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชนสายฟ้าแลบประกาศเกณฑ์คัดเลือก ก.พ.นี้ ก่อนประกาศผลมี.ค.นี้ทันทีทั้งควินวินและปกติเป้ากระตุ้นรากหญ้า ระบุหลักเกณฑ์ไม่ง่ายเน้นชุมชนรับประโยชน์สูงสุด แต่หากผ่านคุณสมบัติได้ทุกราย พร้อมผลักดันสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเร่งสปีดEV ใน 3 ปี รักษาฮับผลิตรถยนต์
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ “ทีมงานทันหุ้น” ว่าพร้อมเร่งผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นโครงการจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจรากหญ้า และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำหลักเกณฑ์คัดเลือกโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ และเดือนกุมภาพันธ์จะประกาศรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ก่อนจะประกาศผลการคัดเลือกในช่วงเดือนมีนาคมนี้
ทั้งในส่วนของโครงการQuickWin ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว สามารถจ่ายไฟได้ทันที และรวมถึงโครงการตามปกติที่ที่นำเสนอเข้ามาและต้องรอการก่อสร้างใน 2 ปี โดยขณะนี้มีเอกชนที่แสดงความสนใจในการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชนค่อนข้างมาก
@เกณฑ์ไฟฟ้าชุมชนเข้มงวด
สำหรับเกณฑ์ที่จะออกมานั้นมีความเข้มงวด และเน้นโครงการที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนสูงสุดมากกว่าปัจจัยด้านราคา โดยพร้อมที่จะให้อนุมัติโครงการเอกชนทุกรายที่ผ่านเกณฑ์ แต่ยืนยันว่า เกณฑ์ที่ออกมาไม่ง่าย ในส่วนราคารับซื้อไฟฟ้าชุมชนก็เช่นเดียวกันในขณะนี้ยังไม่มีราคาแน่ชัดเหมือนข่าวที่ออกมา
นายสนธิรัตน์ ระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นโครงการที่ทำจากพืชพลังงาน ซึ่งจะช่วยพลิกราคาพืชการเกษตรที่ผลตอบแทนต่ำ และลดพื้นที่เพาะปลูกสินค้าเกษตรมาสูงพืชพลังงาน ซึ่งจะทำให้ซัพพลายล้นตลาดลดลง ขณะที่บางพื้นที่ ที่ไม่ได้ปลูกอะไร ก็สามารถนำมาปลูกพืชพลังงาน และนำพืชพลังงานเหล่านั้น มาใช้กับโรงไฟฟ้าชุมชนซึ่งเป็นการดำเนินการรูปแบบใหม่ของการทำให้เกิดการปฎิบัติอย่างแท้จริง
@ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจได้
โดยโครงการดังกล่าวจะให้ชุมชนเข้ามาถือหุ้นและการปลูกพืชพลังงานขายให้แก่โรงไฟฟ้า และมีส่วนแบ่ง 0.25 บาทต่อหน่วยคืนกลับชุมชน ซึ่งคาดว่าจะได้ 2 ล้านบาทต่อเมกกะวัตต์ หากโครงการมีขนาด 3 เมกะวัตต์ก็จะมีรายได้เข้าสู่ชุมชนราว 6 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ชุมชนนำไปใช้ในการแก้ต่อยอดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจรวมไปถึงสังคมได้
“วัตถุประสงค์ทางกระทรวงไม่ได้ต้องการทำโรงไฟฟ้า แต่ต้องการทำเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มพืชพลังงานแต่ผลพลอยได้คือโรงไฟฟ้า รวมไปถึงการเติบโตพลังงานทดแทนของประเทศไทย เอกชนอาจจะเป็นคนตัวเล็กมากขึ้น เป็นการกระจายพลังงานเพื่อทุกคน
เป็นการเติบโตไปด้วยกันของสังคมที่ลดความเลื่อมล้ำ ที่ผ่านมาปกติแล้วโรงไฟฟ้าจะตั้งที่ไหนอาจจะมีคนคัดค้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นชุมชนที่เข้ามาติดต่ออยากให้เกิดโรงไฟฟ้าไปตั้งในชุมชน เพราะได้รับประโยชน์จากการเกิดโรงไฟฟ้า และมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมีชีวิตที่ดีขึ้น มีสังคมที่ดีขึ้น เช่นบางชุมชน มีการจะนำเงินที่ได้ไปทำกองทุนพัฒนาหมู่บ้านต่อไป บางชุมชนจะนำไปปราบปรามยาเสพติด“นายสนธิรัตน์ กล่าว
@ประกาศสปีดรถEVใน 3 ปี
กระทรวงพลังงานจะพยายามเร่งผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในระยะเวลา 3-5ปี ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ จะต้องเร่งให้เกิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก ดังนั้นกระทรวงพลังงานจะมีนโยบายส่งเสริมให้เอกชนเร่งลงทุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งวิธีการนั้นก็คือจะมีระยะเวลาในการกระตุ้นให้เอกชนเร่งลงทุนสถานีชาร์จ ก่อนที่จะกระทรวงพลังงานจะเข้ามาควบคุม และกำหนดโควตาในการตั้งสถานีชาร์จ เช่นจะให้มีสถานีชาจน์ทุก 50 กิโลเมตรมีจำนวนจำกัด เชื่อว่าจะทำให้เอกชนที่เห็นโอกาสเร่งสปีดลงทุนได้
ขณะเดียวกันก็เตรียมในการอุดหนุนราคาค่าไฟฟ้าในสถานีชาร์จตามระยะทาง เช่น ถ้าไปติดตั้งที่จังหวัดจันทบุรี ค่าไฟฟ้าอาจจะถูกลงเพราะดีมานด์น้อยกว่าในกรุงเทพมหานคร และต้องมีสาถานีชาร์จในต่างจังหวัดทุกๆ 200 กิโลเมตร
ซึ่งการดำเนินการดังนั้น จะส่งผลให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดความเชื่อมั่นว่าตลอดระยะเวลาในการเดินทางจะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าแน่นอน
นายสนธิรัตน์ ระบุ เหตุผลที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า นั้นเพราะว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางรถยนต์ของอาเซียน ตลอดจนเอเชีย รองจากญี่ปุ่น แต่ในการลงทุนปัจจุบันยังเป็นเทคโนโลยีเก่า จึงต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่เทคโนโลยีอนาคต ซึ่งหากสามารถดึงอุตสาหกรรมแบตเตอร์รี่มาอยู่ประเทศไทย ก็จะรักษาความเป็นผู้นำของธุรกิจยานยนต์ไว้ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องเร่งดำเนินการ
@โผหุ้นรับนโยบาย
ผู้สื่อข่าวทันหุ้นรายงานว่า จากประเด็นการเร่งผลักดันโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่เตรียมยื่นเสนอเข้าโครงการโรงไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีบริษัทที่มีโอกาสจะได้ปรับประโยชน์โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน และพร้อมนำเสนอโครงการควินวินได้ทันที ประกอบด้วย บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ที่จะนำโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส2 โครงการ กำลังการผลิตรวมราว 4.3 เมกะวัตต์ เข้าโครงการขายไฟได้ปี 2563 คาดสามารถสร้างรายได้ปีละ 400 ล้านบาท และมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 30 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปีโดยได้เจรจากับชุมชนเรียบร้อยแล้ว คาดใช้เงินลงทุนราว 110 ล้านบาท ต่อ1เมกะวัตต์ สามารถสร้างรายได้กว่า 2 พันล้านบาท
บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC ที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซชีวภาพ จำนวน 2โรงกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 3เมกะวัตต์ที่ขอนแก่น เข้าโครงการอย่างไรก็ดียังมีหลายบริษัทจดทะเบียนที่พร้อมจะเข้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนตามปกติ
ขณะที่นโยบายการเร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งสถานีชาร์จมีบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่เกี่ยวข้องจากการเร่งขยายสถานีชาร์จจำนวนมาก ซึ่งก็จำเป็นต้องรอการเติบโตของผู้ใช้บริการ
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม