สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า บล.หยวนต้า คาดหลังตรุษจีน ลุ้น SET INDEX ฟื้นเบาๆ และอาจได้เห็นทองวิ่งขึ้น จากการศึกษาข้อมูลการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ลงทุนหลังตรุษจีนช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราพบว่า SET INDEX เคลื่อนไหวทรงตัวใน 5 วัน, 10 วัน, และ 20 วันทำการหลังตรุษจีน เพราะเป็นช่วงประกาศงบปีของบริษัทจดทะเบียน จึงทำให้ภาพรวมตลาดไม่มีทิศทางที่ชัดเจน แต่ถ้าพิจารณาเป็นรายกลุ่ม เราพบว่ากลุ่มค้าปลีก สื่อสาร และพลังงานมักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายจะเร่งตัวขึ้น แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเฉลี่ย -4 ถึง -5 พันล้านบาท ส่วนค่าเงินมีทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย 0.2%-0.7% 

ทั้งนี้ ถ้าพิจารณาการเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวใน SET100 เราพบว่ามี 6 ตัวที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 3 ใน 5 ปี แต่ที่น่าสนใจกว่านั้น เราพบว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นจีน ราคาน้ำมัน และราคาทองคำมักปรับตัวขึ้นได้ดีทุกช่วงเวลาที่เราพิจารณา ในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำ ADVANC/ CPF/ DELTA/ KTB/ PTT/TASCO เพราะมีสถิติที่ดีหลังตรุษจีน มีปันผลค้ำและแนวโน้มงบครึ่งแรกปี 63 ยังมีการเติบโต 

นอกจากนี้ เรายังแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังกองทุน K-GOLD/ K-Oil/KFACHINA-A/ UGQG โดยนักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทวิเคราะห์ Wealth Designs  

**สถิติการเคลื่อนไหวของ SET-สินทรัพย์ลงทุนหลังตรุษจีน

เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจและตลาดการเงินของจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และการท่องเที่ยวรวมถึงการจับจ่ายใช้สอยของคนจีนมีผลต่อตลาดการเงินทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงทำการศึกษาข้อมูลการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ลงทุนในช่วงก่อนและหลังตรุษจีน 5, 10, และ 20 วันทำการ ซึ่งเป็นช่วงเฉลิมฉลองของคนจีนทั่วโลกว่ามีความสัมพันธ์กับตลาดการเงินไทยหรือไม่ ผลสรุปที่ได้เป็นดังนี้ 

SET INDEX พบว่าไม่มีความสัมพันธ์ เพราะเป็นช่วงประกาศงบปีของบริษัทจดทะเบียน หุ้นแต่ละตัวจะเคลื่อนไหวตามคาดการณ์ผลประกอบการและการจ่ายปันผล 

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มักปรับตัวขึ้นได้ดี หลังผ่านตรุษจีนไป 20 วันทำการคือ ค้าปลีก(+0.6%), สื่อสาร(+1.8%) และพลังงาน(+0.4%)

หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 3 ใน 5 ปีมี 6 ตัว ADVANC(+7.5%), HANA(+8.5%), JMT(+22.4%), PSL(+7.8%), SAWAD(+5.8%), TASCO(9.9%)

มูลค่าการซื้อขายของ SET INDEX ช่วงก่อนตรุษจีน5 วันทำการจะหายไปเฉลี่ย -23% แต่จะฟื้นกลับเร็วหลังผ่านตรุษจีนไป 5 วันทำการเฉลี่ย +23% เช่นกัน

นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายสุทธิ โดยถ้าย้อนหลังไป 5 ปี (ปี 2558-2562) มีเพียงปี 2559 ที่ต่างชาติซื้อสุทธิ นอกนั้นเป็นขายสุทธิฉลี่ย -2,229 ถึง -5,744 ล้านบาทในช่วง 5 ถึง 20 วันทำการหลังตรุษจีน

เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าหลังผ่านตรุษจีนไป 5 วันทำการ อ่อนค่าเฉลี่ย 0.2%, หลังผ่านไป 10 วันทำการ อ่อนค่าเฉลี่ย 0.1%, หลังผ่านไป 20 วันทำการ อ่อนค่าเฉลี่ย 0.7%

ตลาดหุ้นจีนและสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.7% ใน 20 วันทำการหลังตรุษจีน และ S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.4% ใน 20 วันทำการหลังตรุษจีน โดยตลาดหุ้นจีนมีค่าความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นบวกช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 100% ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีค่าความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกอยู่ที่ 80%

ราคาทองคำและราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2.0% ใน 20 วันทำการหลังตรุษจีน และราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5% ใน 20 วันทำการหลังตรุษจีน โดยทั้งทองคำและน้ำมันดิบ Brent มีค่าความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นบวกช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 75% 

**ตรุษจีนครั้งนี้อาจไม่คึกคักเหมือนอดีต 

จากการพบผู้ติดเชื้อปอดอักเสบที่เมืองอู่ฮั่นและเกิดการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ทำให้การจับจ่ายใช้สอยและการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนอาจไม่คึกคักเหมือนทุกปี โดยกระทรวงพาณิชย์จีนรายงานยอดจับจ่ายใช้สอยในห้างค้าปลีกและร้านอาหารปี 2562 สูงถึง 1 ล้านล้านหยวน ขณะที่ การท่องเที่ยวมีมูลค่าราว 5 แสนล้านหยวน และที่สำคัญคือ พบผู้ติดเชื้อกระจายไปยังนอกประเทศจีนซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ทำให้การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีมากกว่า 450 ล้านทริปในช่วงตรุษจีนอาจโตชะลอจากปีก่อนที่ +7.6% YoY 

เลือกหุ้นที่มีสถิติดีหลังตรุษจีน-มีปันผล 

กลยุทธ์การลงทุนหลังตรุษจีน ในช่วง 20 วันทำการข้างหน้า เราแนะนำหุ้นที่มีสถิติหลังตรุษจีนที่ดี, มีปันผลค้ำ, และงบ 1H63 ยังมีการเติบโต YoY ได้แก่ ADVANC/ CPF/ DELTA/ KTB/ PTT 

**การกระจายเงินลงทุนไป Asset Class อื่น

นอกจากนี้ เราแนะนำให้กระจายการลงทุนไปทองคำ น้ำมัน และหุ้นต่างประเทศ ผ่านกองทุน K-GOLD/ K-Oil/ KFACHINA-A/ UGQG ตามสัดส่วนการลงทุนที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยนักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลได้จากบทวิเคราะห์ Wealth Designsทุกสัปดาห์