> SET > BEM

23 มกราคม 2020 เวลา 10:16 น.

BEM โบรกคาด Q4/62 กำไรพลาดเป้า มองเป็นโอกาสซื้อ ชี้ปี 63 เป็นปีทอง-จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT โตแกร่ง

สำนักข่าว "ทันหุ้น" รายงานว่า  บล.ไทยพาณิชย์ สแกน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM น่าจะรายงานกำไรสุทธิ 565 ลบ. ใน Q4/62 (-40% QoQ, +17% YoY) ซึ่งอาจจะสร้างความผิดหวังให้กับตลาด เนื่องจาก consensus คาดการณ์กำไรที่ 650-700 ลบ. แต่จะเปิดโอกาสให้เข้าซื้อ เพราะกำไรและจำนวนผู้โดยสารมีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2563 เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEM ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ 12.5 บาท หลังจากปรับระยะเวลาการต่อสัมปทานทางด่วนลงสู่ 15 ปี 8 เดือน (จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 30 ปี)


ความเคลื่อนไหวของหุ้น BEM อยู่ที่ 11.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.88% มูลค่าการซื้อขาย 3.33 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดกำไรจะเติบโต YoY ใน Q4/62 เราคาดว่า BEM จะรายงานกำไรสุทธิ 565 ลบ. ใน Q4/62 ลดลง 40% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 17% YoY กำไรที่ลดลง QoQ สะท้อนถึงการไม่มีรายได้เงินปันผลใน Q4/62 เทียบกับ 221 ลบ. ใน Q3/62 ค่าใช้จ่าย SG&A จะเพิ่มขึ้น QoQ จากการจ่ายโบนัสปลายปี ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยก็น่าจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจาก BEM จะบันทึกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่ก่อนหน้านี้ บริษัทบันทึกเป็นต้นทุนของสินทรัพย์ 


นอกจากนี้ยังจะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายด้วย กำไรที่เติบโต YoY จะได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจรถไฟฟ้า MRT และค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงสำหรับธุรกิจทางด่วน ทั้งนี้ใน Q4/61 BEM ได้ปรับปรุงสมมติฐานเกี่ยวกับทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (SOE) ซี่งส่งผลทำให้มีการปรับปรุงต้นทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เมื่ออิงกับประมาณการกำไร Q4/62 เราเล็งเห็น downside 3.5% ต่อประมาณการกำไรปี 2562 ของเรา BEM จะประกาศผลประกอบการวันที่ 26 ก.พ.


ปริมาณการจราจรและจำนวนผู้โดยสารโดยรวมเป็นไปตามคาด BEM รายงานปริมาณการจราจรและจำนวนผู้โดยสารในเดือนธ.ค.แล้ว จำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันสำหรับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (รวมส่วนต่อขยาย section 2) อยู่ที่ 366,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 25.5% YoY เร่งตัวขึ้นจากที่เพิ่มขึ้น 17% YoY ในเดือนต.ค. และ 21.3% YoY ในเดือนพ.ย. โดยได้รับการสนับสนุนจากการเปิดให้บริการส่วนต่อขยาย ดังนั้นจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ในปี 2562 จึงเติบโต 8.2% สูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 8.0% อยู่เล็กน้อย 


สำหรับธุรกิจทางด่วน ปริมาณการจราจรลดลง 1.7% YoY ในเดือนธ.ค. ส่งผลทำให้ปริมาณการจราจรในปี 2562 เติบโต 0.6% ต่ำกว่าประมาณการของเราที่ 0.8% อยู่เล็กน้อย ตัวเลขปริมาณการจราจรโดยรวมสอดคล้องกับสมมติฐานของเรา นอกจากนี้ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งยังทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตได้ถึงระดับที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 20% ในปี 2563


**หั่นประมาณการกำไรปี 63  

ปรับประมาณการกำไรปี 2563 ลดลง เพื่อสะท้อนสมมติฐานใหม่ ก่อนหน้านี้เราใช้สมมติฐานว่า BEM จะได้ต่อสัมปทานทางด่วนส่วน A B C C+ และ D ออกไปอีก 30 ปี แต่ความจริงแล้วบริษัทจะได้ต่อสัมปทานในระยะเวลาที่สั้นกว่านั้น ดังนั้นเราจึงปรับระยะเวลาการต่อสัมปทานลดลงสู่ 15 ปี 8 เดือน สำหรับทางด่วนส่วน A B และ C; 9 ปี 1 เดือน สำหรับทางด่วนส่วน C+; และ 8 ปี 6 เดือน สำหรับทางด่วนส่วน D โดยสัมปทานทางด่วนทั้ง 5 ส่วนนี้จะสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค. 2578 


ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานใหม่ BEM ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุน 3.15 หมื่นลบ. เพื่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น นอกจากนี้เราก็ปรับสมมติฐานรายได้จากทางด่วนลดลงด้วย เนื่องจาก BEM ต้องให้บริการฟรีเป็นเวลา 20 วันต่อปีสำหรับเครือข่ายทางด่วนของบริษัท (ยกเว้น SOE) ภายใต้สัมปทานใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบด้านลบ 12.1% ต่อประมาณการกำไรปี 2563 ของเรา ปัจจุบันเราคาดว่ากำไรปกติปี 2563 จะเติบโต 35% สู่ 4.3 พันลบ.


**เคาะเป้าหมาย 12.50 บาท

แนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ลดลงสู่ 12.5 บาท (จาก 13 บาท) ปรับราคาเป้าหมายของ BEM ลดลงเล็กน้อย เพื่อสะท้อนเงื่อนไขการต่อสัมปทานทางด่วนที่ดีน้อยกว่าคาด แต่ยังคงมุมมองเชิงบวก เราชอบ BEM เนื่องจากเราเชื่อว่าปี 2563 จะเป็นปีทองของบริษัท โดยได้รับการสนับสนุนจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และกำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจนและมั่นคง


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X