ทันหุ้น - ERW มองโรคระบาดกระทบระยะสั้น ไม่ห่วงเท่าบาทแข็ง เชื่อรัฐออกมาตรการกระตุ้นฟรีวีซ่า เม.ย.นี้ พร้อมวางงบ 2,500 ล้านบาท ขยายโรงแรม Hop Inn ในไทยเพิ่ม 7 แห่ง มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2563 เติบโตดีกว่าปีก่อน หลังโรงแรม Mercureและ Ibis สุขุมวิท 24จะถึงจุดคุ้มทุน รวมทั้งโรงแรม JW Marriott เดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพ

นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิเอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยว่า กรณีความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดจาก "ไวรัสโคโรนา 2019" แม้ว่าจะเป็นข่าวเชิงลบต่อการท่องเที่ยว แต่ก็มองว่าจะส่งผลกดดันในระยะสั้นเท่านั้น

“นักท่องเที่ยวชาวจีนคิดเป็นกว่า 28%ของสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ดังนั้นอาจมีผลกระทบทางอ้อมต่อบริษัทอยู่บ้างแต่ก็มองว่าเป็นเพียงระยะสั้นและไม่น่าเป็นห่วงนัก เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของบริษัทอยู่ที่ราว 13% ของรายได้รวม อีกทั้ง ที่ผ่านมาเกิดโรคระบาดใหม่ๆมาตลอดและหลายประเทศไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางรักษาโรคต่างๆอยู่ตลอด”

นางสาววรมน ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากกว่า คือสภาพเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินมีความผันผวนและเงินบาทแข็งค่าอย่างมากรวมถึงเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจะสะท้อนต่อการเดินทางท่องเที่ยว และการใช้จ่ายเงินในระหว่างการท่องเที่ยว

@หวังรัฐกระตุ้นฟรีวีซ่า

สำหรับการที่ภาครัฐจะออกนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวโดยจะเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย จำนวน 14 วัน ซึ่งจะเริ่มในช่วงเดือนเมษายน 2563 นั้น หากเป็นจริงมองว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างมาก รวมถึงจะส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อ ERW เนื่องจากถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มาพักในโรงแรมของกลุ่ม ERW อยู่แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563 จะสูงกว่าปี 2562นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีส่วนสนับสนุนแล้ว บริษัทยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้จากโรงแรมเมอร์เคียว (Mercure) และโรงแรมไอบิส (Ibis) สุขุมวิท 24 เข้ามาได้อย่างเต็มปี และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2563 นี้

ขณะที่โรงแรม JW Marriott จะสามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหลังจากที่หลายปีที่ผ่านมามีการปิดซ่อมบำรุงทำให้โรงแรมไม่สามารถเปิดให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน RevParก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2563 นั้น บริษัทวางงบประมาณไว่ที่ 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะแบรนด์Hop Inn ในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเปิดอีก 7 สาขา รวมสิ้นปีนี้บริษัทจะมี Hop Inn ทั้งสิ้นจำนวน 50 สาขา ขณะที่ในฟิลิปปินส์บริษัทยังมีความสนใจที่จะขยายการลงทุนโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 - 5 แห่ง คาดจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงปี 2564 - 65 เป็นต้นไป

"ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมเชื่อว่าในปี 2563นี้จะยังมีการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของภาครัฐ ทำให้นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มไหลเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น สอดคล้องต่กการเติบโตของผลการดำเนินงานของเราในปีนี้ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าปีก่อน เพราะคาดว่า ทั้ง Mercureและ Ibis สุขุมวิท 24จะถึงจุดคุ้มทุนแล้วหลังจากเปิดให้บริกรได้อย่างเต็มปีในปีนี้ รวมถึงการเปิดให้บริการในโรงแรม JW Marriott ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากหลายปีที่ผ่านมามีการปิดบำรุง"นางสาววรมน กล่าว