ทันหุ้น – AIRA เผยดัน 2 บริษัทย่อย เข้าตลาดปี 2563-2564 เตรียมพัฒนาสำนักงานให้เช่า 2-3 โครงการ เล็งนำเข้ากอง REIT ในอนาคต ด้าน AF ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะ 23,000 -24,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำบริษัทย่อยในกลุ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยในปี 2563 จะนำบริษัท ไอร่า ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ตั้งแต่การให้สินเชื่อแบบเช่าซื้อ, สินเชื่อแบบเช่า, การขายต่อแล้วเช่าคืน, บริการเช่าดำเนินงาน, สินเชื่อหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่อง, สินเชื่อโครงการพิเศษ เป็นต้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
และในปี 2564 จะนำ บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการ สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้ชื่อ A Money หรือ A money Card คือ บัตรกดเงินสดประเภทหมุนเวียน (Revolving Loan) ที่มอบเงินสำรองในยามฉุกเฉิน หรือในโอกาสพิเศษ โดยท่านสามารถ เบิกถอนเงินสดได้ที่เครื่องเบิกถอนเงินสด (ATM) ของ A money ทุกสาขา (ฟรี ค่าธรรมเนียมการกดเงิน) และธนาคารพันธมิตร (ค่าธรรมเนียมการกดเงิน ครั้งละ 13 บาท เรียกเก็บในรอบบิลถัดไป) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในลำดับถัดไป
*ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่าอีกอย่างน้อย 2-3 โครงการ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเลือกที่ดินในทำเลที่มีศักยภาพ โดยมีเจรจากับผู้มาเสนอที่ดินหลายแปลง เพื่อนำไปขยายขนาดกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และสามารถนำเงินที่ได้ไปต่อยอดการลงทุนอื่นๆ ได้ในอนาคต หลังจากที่ลงทุนใน โครงการ Spring Tower เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A ย่านราชเทวี มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2562 นี้ ปัจจุบันมียอดผู้เช่าแล้วกว่า 40% โดยอาคารดังกล่าวก็จะขายเข้าเป็นสินทรัพย์ของกอง REIT ที่จะจัดตั้งขึ้น
นายอัครวิทย์ สุกใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดสินเชื่อแฟคตอริ่งปี 2562 เติบโต 6-7% โดยวางเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อคงค้างปีนี้ที่ 23,000 - 24,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าราว 1,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SME ที่มียอดขายตั้งแต่ปีละ 100 ล้านบาทไปจนถึงหลัก 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ปัจจุบันตัวเลขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 3-4% ถือว่าอยู่ในอัตราที่ไม่น่ากังวล จากตัวเลขในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 5.5%