> Trendtalk > ASN

11 กรกฎาคม 2018 เวลา 06:20 น.

ASN

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 1630 จุดขึ้นไป หลังจากถูกขายในระยะสั้นมาทดสอบแนวรับที่ 1620 จุด ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1650 และ 1690 จุด สำหรับหุ้นที่น่าสนใจในวันนี้ คือ หุ้น DELTA บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ พัดลมอิเล็กทรอนิกส์ (DC Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์ มีฐานการผลิตอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ เอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 มีรายได้ 12,698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,058 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.85 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวม 12,276 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,348 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.08 บาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2560 มีรายได้รวม 50,330 ล้านาท และมีกำไรสุทธิ 4,931 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.95 บาท นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (DELTA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ขั้นสูงที่เป็น Power Solution และ Power Management ในยุโรป จำนวน 1 ดีล คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/61 ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอผู้ขายตัดสินใจอยู่ว่าจะเสนอขายให้กับบริษัทหรือไม่ หากไม่เสนอขายให้กับบริษัทดีลดังกล่าวอาจจะยกเลิกไป โดยการซื้อกิจการดังกล่าวบริษัทมีเงินทุนที่เพียงพอรองรับ ซึ่งจะใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัทในการลงทุน ซึ่งมีกระแสเงินสดอยู่สูงถึง 1.7 หทมื่นล้านบาท รวมไปถึงการลงทุนในปีนี้ที่วางงบลงทุนไว้ราว 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตในอินเดีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และการปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงานที่มีอยู่ให้เป็นแบบอัตโนมัติรองรับเทรนด์ 4.0 ซึ่งทำให้สายการผลิตของบริษัทมีความทันสมัยมากขึ้น ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 ของบริษัททั้งรายได้และกำไรจะเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมากกว่าไตรมาส 1/61 ที่มีรายได้เติบโต 3.3% และกำไรสุทธิเติบโต 8.4% ซึ่งบริษัทได้เตรียมแผนรองรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และมีผลต่อการผลิตสินค้าของซัพลายเอร์ที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบให้บริษัทได้หยุดชะงัก ส่งผลให้วัตถุดิบขาดตลาด และทำให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 61 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายทั้งรายได้และกำไรสุทธิที่จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 10% แม้ว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะกดดันต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานอยู่ก็ตาม แต่จะหันมาใช้วิธีการลดค่าใช้จ่ายลง เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดไว้ ส่วนนางสาวกุลวดี กวยาวงศ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายจะเติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี โดยจะมาจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นหลัก แบ่งเป็น ซอฟท์แวร์-ฮาร์ดแวร์ สำหรับอุปกรณ์ EV-Chager และการผลิตชิ้นส่วนในธุรกิจพลังงานทั่วไปและพลังงานทางเลือก เป็นต้น รวมถึงธุรกิจบริหารจัดการพลังงานที่บริษัทคาดว่าในปี 64 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการพลังงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 13% เป็นไปตามความต้องการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน่าจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 25-27% เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนทั่วไปประจำปีไว้ที่ 40-50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ไม่รวมการเข้าซื้อกิจการ M&A) เพื่อใช้ลงทุนปรับปรุงสิทธิภาพเครื่องจักรและปรับเปลี่ยนไลน์การผลิต โดยปัจจุบันโรงงานผลิตของบริษัทยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 20-30% ส่วนการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการในธุรกิจซอฟท์แวร์ และผู้เชี่ยวชาญทางด้าน System Integrator ในประเทศอินเดีย เพื่อมารองรับการขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนในอินเดีย และศูนย์วิจัยและพัฒนาที่จะเริ่มเปิดโรงงานผลิตในปี 62 ซึ่งน่าจะทำให้ธุรกิจในประเทศอินเดียมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากที่ผ่านมาธุรกิจในอินเดียมียอดขายเติบโตเฉลี่ย 10-20% DELTA มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก Bloomberg อยู่ที่ 68 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 78.00 และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 59.00 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับสำคัญที่ 65.00 ลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 2 ปี ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวนรับถัดไปที่ 55.00 และมีแนวต้านที่ 65.00-66.00 ถ้ายังไม่สามารถทะลุผ่านระดับ 68.00 ขึ้นไปได้ แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบระดับ 50.00 สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ เทพ คำนวณ
จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X