> SET > GFPT

25 เมษายน 2024 เวลา 10:40 น.

กูรูชี้เงินบาทจ่อ37.50บ. โบรกคัด11หุ้นรับผลดี

#ค่าเงินบาท #ทันหุ้น – กูรู มองเทรนด์ค่าเงินบาทอ่อนค่า เดือนพฤษภาคม มีโอกาสแตะ 37.50 บาท –ภายใน 6-9 เดือนแรกปีนี้อาจเห็น 38-40 บาท ด้านบล.ยูโอบีฯ คัด 11 หุ้นได้รับอานิสงส์ทางตรง-อ้อม-ราคาปัจจุบันเหมาะสม ด้านบล.กรุงศรี พัฒนสิน ชู GFPT เหตุไตรมาส 1 กำไรโต 40%


ค่าเงินบาทที่หลุดไปแตะ 37 บาทในวันที่ 23 เมษายน 2567 เป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 7 เดือน และยังเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากสุดอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากค่าเงินเยน


นายอมรเทพ  จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องไปแตะ 37.50 บาท ในเดือนพฤษภาคม มีโอกาสแตะ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือการไหลออกของเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลการจ่ายเงินปันผลจึงนำเงินออก และอีกปัจจัยจากคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ลดดอกเบี้ย


โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ครั้งเดียว ในเดือนกันยายน จากเดิมที่คาดว่าจะลด 3-4 ครั้งในปีนี้และหากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ ยิ่งมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท จากที่ส่วนตัวมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ 1 ครั้ง ด้วยเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวช้าจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าจะกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจระยะยาว และหากกนง.ลดดอกเบี้ยปีนี้จริงและเฟด ไม่ลดดอกเบี้ยก็จะทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสไปแตะระดับที่ 40 บาทต่อดอลลาร์ได้


@เทรนด์อ่อนค่าต่อ

นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาท และสกุลเงินอื่นๆ มีทิศทางอ่อนค่าจากสกุลดอลลาร์ที่แข็ง และการเกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก จึงทำให้มีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่า แต่เชื่อว่าจะไม่ไปแตะระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์


“ค่าเงินทุกสกุลนั้นอ่อนค่าลงจากที่ดอลลาร์แข็งขึ้น ซึ่งหากเทียบเงินบาทกับสกุลเงินในเอเชีย พบว่าค่าเงินบาทอ่อนค่ามากสุดอันดับ 2 รองจากค่าเงินเยน และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอ่อนค่า 6% แต่เราก็ยังมีปัจจัยที่ช่วยพยุงค่าเงินบาท คือ ท่องเที่ยวที่เติบโต ตัวเลขส่งออกฟื้นตัว และเราก็ยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังเป็นบวกแม้จะบวกอ่อน”


ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) บริษัทวาณิชธนกิจข้ามชาติจากสหรัฐ ระบุว่า สกุลเงินต่างๆ จำนวนมากได้รับผลกระทบจากการชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยในส่วนของสกุลเงินบาท คาดการณ์ว่าปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 37 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ


@คัด 11 หุ้นรับอานิสงส์

นายกิจพณ  ไพรไพศาลกิจ   ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คาดค่าเงินบาทอ่อนในช่วง 6-9 เดือนแรกปีนี้ มีโอกาสแตะ 38-40 บาทต่อดอลลาร์ จาก 2 ปัจจัย คือส่วนต่างดอกเบี้ยสหรัฐกับไทยที่กว้าง ซึ่งสถานการณ์ปัจจัยลักษณะคล้ายกับปี 2543 ซึ่งค่าเงินบาทตอนนั้นอยู่ที่ระดับ 37-45บาทต่อดอลลาร์ ประกอบกับยิลด์ และยิลด์พรีเมียมของสหรัฐก็อยู่ระดับสูง จากเรติ้งของสหรัฐ และดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง จึงทำให้เงินไหลเข้าไปในเงินสกุลดอลลาร์ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง


สำหรับหุ้นที่รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนทั้งทางตรง และทางอ้อมรวมถึงเป็นหุ้นที่ลงทุนได้ ณ ราคาปัจจุบัน โดยกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ทางตรง คือ ส่งออกเนื้อสัตว์ จากส่งออกเติบโต รวมถึงผลการดำเนินงานเทิร์นอะราวด์ โดยแนะนำ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือGFPT


ส่วนหุ้นที่ได้รับผลดีค่าเงินบาททางอ้อม คือ กลุ่มบริการ ท่องเที่ยว การแพทย์ และค้าปลีก แนะนำบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ AOT, บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ  จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT


และบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาท และยังมีประเด็นบวกจากการที่บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตในปีที่แล้ว ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลดำเนินงาน โดยหากบริษัทใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็จะส่งผลดีทำให้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปถึงไตรมาส3 จึงทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจากมองว่ารายได้จะเติบโต โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรปีนี้โตได้ 30%จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ540 ล้านบาท โดยให้ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท แต่ปัจจุบันราคาหุ้นในกระดานใกล้ถึงราคาเป้าหมายแล้ว จึงแนะนำให้ขายทำกำไร


@ชู GFPT โค้งแรกกำไรโต

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุ เงินบาทที่อ่อนค่า เป็นผลมาจาก Dollar Index ที่แข็งค่าต่อเนื่องหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ฯลฯ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกเน้น GFPT คาดกำไรสุทธิไตรมาส1ปี2567 โต40%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 4/2566 เพราะปริมาณการส่งออกไก่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในทุกภูมิภาค รวมถึงต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง


ทั้งนี้แนะเก็งกำไร CPF หนุนจากราคาราคาสุกรเพิ่มขึ้น 4.3%จากสัปดาห์ก่อน และมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อและมีโอกาสสูงกว่าต้นทุน 72-75 บาท และเน้น TU ให้ราคาเป้าหมายที่ 17.5 บาท เพราะแนวโน้มการเติบโตของทูน่ากระป๋อง และต้นทุนทูน่าลดลง แต่ในทางตรงข้ามเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X