> SET >

19 เมษายน 2024 เวลา 09:17 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,350-1,365 จุด โดยยังคงถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก หลังประธาน FED หลายสาขาออกมาให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่ FED อาจคงดอกเบี้ยตลอดปี 2024 หลังเงินเฟ้อยังปรับตัวลงช้าและยังไม่สร้างความเชื่อมั่นว่าจะกลับสุ่เป้าหมาย 2% ในระยะยาว ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯ ขยับขึ้นอีกครั้งโดยอายุ 2 ปีกลับไปแตะระดับ 5% กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่มี PER สูง เช่นเดียวกับในประเทศที่เราประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของกนง.มีลดลงเช่นกัน โดยอาจคงดอกเบี้ยทั้งปีหรือลดลงเพียง 1 ครั้ง


ภาพรวมดัชนีคาดว่าจะฟื้นตัวได้จำกัด ทำให้กลยุทธ์ต้องเน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มกำไรโดดเด่นกว่าตลาด เรายังมองกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจ โดยคาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24-2H24 ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบายดิจิทัลวอลเลตที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24 ซึ่งสำหรับ SET Index ที่ปกติเป็น Leading Indicator ต่อภาพเศรษฐกิจและกำไรบจ.ราว 3-6 เดือน ทำให้เรายังคงเชื่อว่าดัชนีมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี ปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือน เม.ย.-พ.ค. คือการประกาศกำไร 1Q24 บจ.


กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด

หุ้นเด่นเดือน เม.ย. :  BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR

FSSIA Portfolio :  AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR


หุ้นเด่นวันนี้ : CPF

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท

• ภาพรวมธุรกิจดูดีขึ้นทั้งไก่ไทยและหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวดี ช่วยชดเชยผลขาดทุนของหมูไทยและหมูจีนได้บางส่วน เราคาดผลการดำเนินงาน 1Q24 จะขาดทุนปกติลดลงเหลือ 3.7 พันลบ. (จากขาดทุนปกติ 1 หมื่นลบ.ใน 4Q24) 

• ล่าสุดราคาหมูไทยขยับขึ้น +6% q-q มาอยู่ที่ 66 บาท/กก. เข้าใกล้ต้นทุนการเลี้ยงมากขึ้น ขณะที่ไก่ไทยเข้า High Season ทำให้ 2Q24 มีลุ้นพลิกมีกำไร ขณะที่แนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะดูดีขึ้นตามแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่มีโอกาสขยับขึ้นต่อ เราจึงคาดปี 2024 CPF จะพลิกมีกำไรปกติ 8.3 พันลบ. ส่วนราคาหุ้นปรับลงช่วงก่อนหน้าสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว 

• แนวรับ 17.70//17 บาท แนวต้าน 18.40//18.80-19 บาท


**บล.ดาโอ คาดตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวลง เนื่องจากตลาดยังมีความกังวลทั้งเรื่องสงคราม Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย โดยตลาดวันสุดท้ายของสัปดาห์ แรงกดดันเรื่องดอกเบี้ย Fed ทำให้นักลงทุนต่างประเทศลดการถือสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่แน่นอนในเรื่องการตัดสินใจของอิสราเอล ทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น ทำให้หุ้นขนาดใหญ่กลายเป็นเป้าของการขายหุ้น(เมื่อวาน)


• ตัวแปรเก่า ที่ดูลบต่อตลาดมากขึ้น คือ วานนี้ Fed 3 ท่าน (John Williams, Raphael Bostic, Neel Kashkari) ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รีบลดดอกเบี้ย และปีนี้อาจไม่ลดดอกเบี้ย เท่ากับว่า ตลาดต้องปรับพอร์ตเพื่อรับข่าวใหม่ในเรื่องนี้ โดยตลาดพันธบัตรจะถูกกระทบมากที่สุด ... เรามองว่า ความเสี่ยงในเรื่องสงคราม มีผลต่อการตัดสินใจของ Fed มากที่สุด หากวันวด ความเสี่ยงนี้(อิสราเอล-อิหร่าน) ลดลง โอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยปีนี้ ก็จะมากขึ้น


• สถานการณ์ อิสราเอล-อิหร่าน มีความแรงมากขึ้น......นักลงทุนรอการตัดสินใจของอิสราเอล ว่าจะจบเรื่องหรือจะโจมตีอิหร่าน โดยวานนี้ นายกฯ อิสราเอล พูดในทำนองที่ว่าน่าจะมีการตอบโต้แน่ๆ ขณะที่อิหร่านขู่ว่า ถ้าโจมตี Atomic Site ของอิหร่าน ก็จะมีการโต้กลับ ....  เราประเมินว่าอิสราเอล อาจมีทางเลือกเดียวคือต้องใช้กำลังตอบโต้ (โดยใช้เครื่องบินเป็นหลัก)  ... ราคาทองคำ+ดอลล่าร์ ที่ยังสูงได้ หลักๆมาจากความเสี่ยงเรื่องนี้ 


• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลงมาที่ $86 เหรียญ เป็นสัญญาณว่า ความเสี่ยงเรื่องสงคราม ไม่สามารถกลบปัจจัยลบได้ (ดอลล่าร์แข็ง+Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย+เศรษฐกิจโลกถูกกระทบหากเกิดสงคราม+supply น้ำมันมีเพียงพอ) จึงเป็นลบต่อ PTTEP…..หุ้นโรงกลั่นน้ำมัน เวลานี้ ค่าการกลั่นฯ ลดลงมาแล้ว (Brent=$10)


• หุ้นธนาคาร จะทยอยนำส่งงบ 1Q ในสัปดาห์นี้  .....  DAOL ประเมินกำไรหุ้นธนาคาร 10 ตัว ที่ทำบทวิเคราะห์ ว่าจะมีกำไร 5.1 หมื่นล้านบาท +23.3% yoy ; +8.8% qoq


• บริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังทยอยรายงานผลประกอบการ โดย 2 กลุ่มหลักๆ (ในต่างประเทศ) ที่จะออกงบก่อน คือ สถาบันการเงินและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี่ 


• หุ้นที่ถูก short มาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ใน NVDR เราเริ่มเห็นการเปิด short ที่มากขึ้น หลังตลาด(ราคาหุ้น) เหล่านี้ มีแนวโน้มลดลง  จึงประเมินว่า ผลจากการทำ cover short และในทางตรงกันข้าม อาจมีการยืมหุ้นมา short เพิ่มขึ้นด้วย


• Event สำคัญๆ วันนี้ : หุ้นธนาคารนำส่งงบการเงิน และ ครบกำหนดวันของ Bitcoin Halving (ผลตอบแทนการขุดลดลงเหลือ 3.125 bitcoin/block)


Strategy

• ตลาดมีความเสี่ยงรอบตัว ดัชนีฯ มีโอกาสลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (1354 จุด) กลยุทธ์ลงทุนในวันนี้ ยังเป็นรอดูสถานการณ์(wait & see) เพราะอาจเกิดเหตุการณ์สำคัญในช่วงวันหยุดนี้ และควรพร้อมซื้อ เมื่อสถานการณ์อิสราเอลดูดีขึ้น


• ตลาดมีเรื่องของความเสี่ยงเรื่องสงคราม ราคาน้ำมันปรับตัวลง ลบต่อ PTTEP... ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ  ทองคำ(บาท) ยังคาดว่าจะขึ้นสู่จุด peak ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..... ดอลล่าร์แข็ง ดีต่อหุ้นส่งออกบางตัว (ITC) 


• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำหุ้น KTB ออกจากพอร์ต ทำให้เราถือเงินสด 100% สำหรับพอร์ตแนะนำของเรา


Technical  : FORTH, PLUS


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,350 – 1,355 แนวต้าน 1,370 – 1,375 โดยดัชนีมีโอกาสปรับลดลงจากความกังวลเฟดตรึงดอกเบี้ยสูงนาน อาจส่งผลให้ Fund Flow ในตลาดอาเซียนชะอตัว แนะนำทยอยซื้อกลุ่มปลอดภัย เช่น CPALL, CPAXT, AAI, ITC, ICHI, SAPPE 


ICHI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.70 บาท) แนวโน้ม 1Q67 คาดกำไรเพิ่ม QoQ, YoY และมีโมเมนตัมต่อเนื่องไปยัง 2Q67 รับผลบวกจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น การท่องเที่ยวฟื้นตัว และเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ช่วยหนุนอัตราการใช้กำลังการผลิตเร่งขึ้น สำหรับภาพรวมปี 67 บริษัทวางเป้าหมายรายได้ 9 พันล้านบาท +12%YoY อัตรากำไรขั้นต้น 23% จากตลาดชาเขียวพร้อมดื่มยังคงเติบโต ผนวกกับแผนออกสินค้าใหม่กลุ่ม Non-Tea healthy trend และธุรกิจรับจ้างผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการใช้กำลังการผลิตและมาร์จิ้น ขณะที่การเพิ่มไลน์การผลิต +13% เป็น 1,700 ล้านขวด จะเสร็จในช่วง 4Q67-1Q68 ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 1.22 พันล้านบาท +11%YoY และ 1.35 พันล้านบาท +11%YoY


PR9* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 21.80 บาท) ประเมินการดำเนินงานใน 1Q67 มีแรงหนุน YoY จากการฟื้นตัวของผู้ป่วยชาวจีน(ตามตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในไทย) ขณะที่ฝั่งผู้ป่วยไทยยังโดดเด่นในเรื่องโรคไตและได้ประโยชน์จากตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ของไทยที่สูงขึ้น YoY  ด้าน PR9* เอง ปี67 นี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต +12%YoY พร้อมทั้งทำการตลาดไปหาผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้น(กัมพูชา, พม่า, ลาว, จีน, และกลุ่มใหม่-ชาติอาหรับ)  ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี67 และ ปี68 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 581 ลบ.(+4%YoY) และ 687 ลบ.(+18%YoY) ตามลำดับ



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X