> SET >

17 เมษายน 2024 เวลา 09:22 น.

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะปรับตัวลงแรงชดเชยช่วงวันหยุดยาวหลังตลาดต่างประเทศเผชิญแรงขายอย่างรุนแรง โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,367-1,385 จุด โดยปัจจัยกดดันนอกเหนือจากประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ต้องติดตามว่าจะมีการตอบโต้เพิ่มเติมหรือไม่ คือแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ที่คาดว่าจะตึงตัวยาวนานมากขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจระยะหลังที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึง Comment ล่าสุดของประธาน FED ที่ระบุว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯยังชะลอไม่มากพอที่จะทำให้ FED มั่นใจว่าจะปรับลงสู่เป้าหมาย 2% ส่งผลให้ Bond Yield ขยับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยอายุ 2 ปีใกล้แตะระดับ 5% ส่วน 10 ปีอยู่ที่ 4.68% ตลาดลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED เหลือไม่ถึง 2 ครั้งในปีนี้ 


อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศยังมีความคาดหวังเชิงบวกจากทิศทางเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 2Q24 เป็นต้นไป ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 นโยบายดิจิทัลวอลเลตที่จะเริ่มใช้จ่ายใน 4Q24 ส่วนโอกาสลดดอกเบี้ยจากกนง.แม้จะน้อยลง แต่หากเกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมต่อตลาด ซึ่งสำหรับ SET Index ที่ปกติเป็น Leading Indicator ต่อภาพเศรษฐกิจและกำไรบจ.ราว 3-6 เดือน ทำให้เรายังคงมองว่าดัชนีมีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงก่อนหน้าและจะทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีกลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่งและเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,350+- จุด


หุ้นเด่นเดือน เม.ย.:  BA, CPALL, CPN, ITC, TIDLOR

FSSIA Portfolio :  AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, NSL, SHR, SJWD, and TIDLOR


หุ้นเด่นวันนี้ : ITC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27 บาท

• แนวโน้มกำไร 1Q24 อาจทำได้ราว 742 ลบ. ลดลงเพียงเล็กน้อย q-q และ +75% y-y ดีกว่าก่อนหน้าที่เคยคาดไว้ 680 ลบ. เนื่องจากรายได้สินค้า Premium ฟื้นแรง กอปรกับต้นทุนปลาทูน่าลดลง อาจทำให้อัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้นทะลุกรอบเป้าหมายที่ 21-22%

• คาดรายได้รวม 2Q24 อาจโตทั้ง q-q และ y-y จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เข้ามา ซึ่งอาจช่วยหักล้างค่าเสื่อมที่จะสูงขึ้นได้ทั้งหมด มีความเป็นไปได้ที่กำไร 2Q24 อาจทะลุระดับ 800 ลบ. ได้อีกครั้ง เราเริ่มเห็น upside ต่อประมาณการปัจจุบันที่ 3.2 พันลบ. +39% y-y 

• แนวรับ 20.70-20.50//20 บาท แนวต้าน 21.70-22 บาท


**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,370 – 1,380 แนวต้าน 1,390 – 1,395 คาดปรับฐานลงรับปัจจัยเสี่ยงตะวันออกกลาง ก่อนทรงตัวรอประเมินสถานการณ์ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,PTT,TOP / ทยอยซื้อ TU,AAI,ITC,ICHI,SAPPE เป็นกลุ่มปลอดภัย & สินค้าจำเป็น  

 

PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 175.00 บาท) ระยะสั้นได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หนุนจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากอุปทานที่ตึงตัวจากการควบคุมกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกจนถึงสิ้น 2Q67 ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 1Q67 ลดลงตามราคาน้ำมันและก๊าซฯ แต่จะเห็นการฟื้นตัวใน 2Q67 จากปริมาณขายของโครงการ G1 ที่เพิ่มเป็น 800 MMSCFD และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ


ITC* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 23.70 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 767 ลบ. +19%QoQ, +14%YoY เห็นการฟื้นตัวได้ดีชัดเจนต่อจาก 3Q66 จากการที่คู่ค้ากลับมาสต็อกสินค้าอีกครั้ง ส่วนการดำเนินงาน 1Q67  เบื้องต้นคาดว่า YoY ในแง่ยอดขายจะเห็นการเติบโตได้จาก ตัวเลขส่งออกอาหารสุนัขและแมวของไทย ก.พ.67 อยูที่ 7.26 พันลบ., +41%YoY +12%MoM/ ตัวเลข ม.ค.-ก.พ.67 +28%YoY นอกจากนี้ ในแง่ของมาร์จิ้น เราคาดว่าจะยังทำได้ดีจากต้นทุนราคาปลาทูน่าและไก่ที่อยู่ในระดับไม่สูง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ ITC* จะอยู่ที่ระดับ 2,867 ลบ.(+26%YoY) และ 3,231 ลบ.(+13%YoY)


**บล.ดาโอ คาดตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวลง หาแนวรับ 1370-80 จุดอีกครั้ง ความกังวลในเรื่องสงคราม และ Fed ชะลอการลดดอกบี้ยออกไป กระทบต่อตลาดทั่วโลก ประเมินกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1368-1405 จุด


• ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังเจอตัวถ่วงใหม่ คือ มีความเสี่ยงที่ อิสราเอลจะตอบโต้อิหร่านหลังถูกโจมตีไปเมื่อ 13 เม.ย. และ Fed ชะลอการลดดอกเบี้ย ทั้งหมดนี้ ทำให้ นักลงทุนโยกเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ตัวหลักๆ คือ เงินสด ดอลล่าร์ และราคาทองคำ ตลาดหุ้นเอเซีย มีความเสี่ยงดังกล่าว และ Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้น


• อิหร่าน โจมตีอิสราเอล ด้วยขีปนาวุธและโดรน เมื่อ 13 เม.ย.แต่ถูกสกัดได้เกือบทั้งหมด... มีกรวิเคราะห์ว่าอิหร่านทำแบบนี้เพื่อเตือน  โดยอิหร่าน ส่งสัญญาณไปที่สหรัฐฯ ว่าจะทำด้วยความระมัดระวัง แม้จะยังไม่มีการโต้กลับจากอิสราเอล แต่นักลงทุนส่วนใหญ่มองเป็นความเสี่ยง (อิสราเอลค่อนข้างดุดันในช่วงนี้)  ราคาทองคำ+ดอลล่าร์ ที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องนี้ สำหรับตลาดหุ้นทั่วโลก ถูกกระทบจากนักลงทุนชะลอการลงทุนสินทรัพยที่เป็น Risky Assets


• ราคาน้ำมันดิบ Brent เกาะอยู่แถวๆ $90 เหรียญ หากสงครามไม่ได้พัฒนาการไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ราคาน้ำมัน ก็ไม่น่าจะไปไกลเกิน $100 เหรียญได้ (ที่มา : Goldman Sache)


• การเผยรายละเอียด Digital Wallet ที่มาของ 5 แสนลบ. ผันจากงบประมาณรายจ่าย และดึงจากส่วนอื่นๆ  รวมถึงจ่ายผ่าน app ทำให้การกระตุ้น GDP  จึงอาจไม่เต็ม 100% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ .... หุ้นที่ได้ประโยชน์ทางตรง ที่เห็นตอนนี้ คือ ค้าส่ง+ค้าปลีก ที่เราเลือก CRC, CPAXT, COM7, BJC


• หุ้นธนาคาร จะทยอยนำส่งงบ 1Q ในสัปดาห์นี้ ทาง DAOL ประเมินกำไร หุ้น 10 ตัว ที่ทำบทวิเคราะห์ ว่าจะมีกำไร 5.1 หมื่นล้านบาท +23.3% yoy ; +8.8% qoq


• หุ้นสถาบันการเงินจะขึ้น “XD” หลายตัว KTC, SCB, TTB, KTB, TCAP  ... อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับการลงทุน หุ้นชั้นดีที่ติด “XD” ส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนจะไม่อยากขาย นักลงทุนจึงอาจพิจารณาถือหุ้นทั้ง 5 ตัวต่อไปได้ (แต่หุ้นที่พื้นฐานไม่ดีเท่าที่ควร หากขึ้น “XD” อาจไม่เป็นอย่างที่เราบอก)


• สถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้าน การต่อสู้ระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมา และกลุ่มผู้ต่อต้านที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จะกระทบต่อหุ้นที่ลงทุน หรือมีรายได้จากเมียนมา และอาจกระเทือนถึงความสงบในภูมิภาคนี้ด้วย


• Event สำคัญๆ สัปดาห์นี้ :   ตัวเลขเงินเฟ้ออียู (17)  ตัวเลขยอดขายรถของไทย (18)


Strategy

• สัปดาห์นี้ มีวันซื้อขายเพียง 3 วัน และมีปัจจัยเสี่ยงคือ ความกังวลเรื่อสงคราม และ Fed อาจลดดอกเบี้ยปีนี้ได้เพียง 1-2 ครั้ง ส่วนปัจจัยของไทยเอง 2 event สำคัญได้ถูกเฉลยไปแล้ว โดยผลที่ออกมาไม่ได้เป็นบวกอบ่างที่คาด จึงมีโอกาสเกิด sell on fact ในหุ้นที่เก็งกำไรจาก 2 เรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้...... โดยดัชนีฯมีโอกาสลงไปแตะ 1370 จุดได้อีกครั้ง 

• ปรับกลยุทธ์ลงทุน ตามตัวแปรที่เปลี่ยนไป เป็นเน้นขายทำกำไร มากกว่าซื้อเข้า


• สงคราม ครั้งนี้ บวกตลาดหุ้นน้อยมาก หุ้นที่เล่นได้ อาจมีเพียง PTTEP, TOP, BCP ซึ่งต้องมีจุด cut ไว้ด้วย เพราะราคาหุ้นขึ้นมามากแล้ว ... ส่วนสินทรัพย์อื่นๆ  ทองคำ(บาท) น่าจะเข้าสู่จุด peak ในอีกไม่กี่วัน ดอลล่าร์แข็ง ดีต่อหุ้นส่งออกบางตัว (ITC) 


• หุ้นที่ถูก short มาก บางตัวยังมีโอกาสที่จะถูกซื้อกลับ โดย 15 ลำดับแรก (วัดจากมูลค่าหุ้น)  คือ AOT, DELTA, PTTEP, KBANK, BTS, SCC, ADVANC, PTT, LH, AWC,  CPALL, BBL, EA, GULF, GPSC  โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่อยู่ใน NVDR


• หุ้นในพอร์ตวันนี้ คงหุ้นเดิมไว้ หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย KTB(10%)


Technical  : NEX, KAMART



รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ที่นี่

FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/

YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_

LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5

TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news

Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X