นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย รองประธานกรรมการ บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้าง และแร่โดโลไมต์ เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย.2567) เป็นวันเเรก เปิดตลาดที่ 2.88 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ 4.00% จาก IPO ที่ 3.00 บาท
สำหรับราคาหุ้นที่เปิดการซื้อขายในวันนี้ถือว่าเหมาะสมกับราคาตลาด โดยหลังจากนี้หากนักลงทุนได้มีการศึกษาลึกถึงธุรกิจมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจว่าพื้นฐานธุรกิจยังมี Upside Gain อีกมากในอนาคต ด้วยปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง มีจุดเด่นที่สำคัญ คือ มีฐานะการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.18 เท่า และมีส่วนของทุนสูงถึงกว่า 600 ล้านบาท จึงมีศักยภาพสูงในการขยายธุรกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอนาคต การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จึงเป็นการสนับสนุนให้ STX ยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล และสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเหมืองหินอยู่จำนวน 2 แห่ง ที่เหมืองหนองข่า อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และเหมืองจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยหลังจากนี้บริษัทเตรียมนำเงินระดมทุนซื้อเหมืองแห่งที่ 3 ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงเครื่องจักรที่ให้ในการขุดเหมือง
ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายภายในไตรมาสที่ 2/2567 นี้ โดยเหมืองใหม่ที่บริษัทวางแผนจะเข้าซื้อแต่ละเหมืองคาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์หิน จากลูกค้าเอกชนรายใหญ่ เพื่อไปใช้ในการถมทะเลอีกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้การเติบโตของบริษัทสอดคล้องไปกับการพัฒนาประเทศตามแผนนโยบายของรัฐบาล ที่ส่งเสริมเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Seaboard) รวมทั้งโครงการ Landbridge นอกจากนี้การย้ายฐานการผลิตของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ EV ที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งบริษัทรถยนต์เหล่านี้ต้องการท่าเรือเพื่อใช้ขนส่ง
โดยโครงการ EEC มีการประเมินความต้องการใช้หินประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตหินให้ EEC เพียง 10 ล้านตันต่อปี ซึ่งหากบริษัทสามารถระดมทุนได้ตามแผน และขยายเหมืองได้ภายในปี 2567 บริษัทจะมีเหมืองเพิ่มอีก 1 เหมืองที่สามารถรองรับเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้
สำหรับรายได้ปี 2567 บริษัทคาดว่าจะเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่บริษัทมีรายได้รวม 371.29 ล้านบาท เเละมีกําไรสุทธิ 38.04 ล้านบาท มาจากรายได้การขายหินแกรนิต 20 มม. ของเหมืองหนองข่าสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง กลับมาทําการผลิตดังเดิม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทที่เหมืองจอมบึงที่เป็นโดโลไมต์ผง นับเป็นการขยายฐานลูกค้า และเข้าสู่ผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (Valued Added) ซึ่งคาดว่าราคาหินในปี 2567 นี้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลดีต้องภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
X คลิก https://twitter.com/thunhoon1
Instagram คลิก https://instagram.com/thunhoon.news?igshid=YTY2NzY3YTc=
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม